เมื่อ"น้องน้ำ"ไหลมาสนามผู้ ว่าฯก็คึกคัก
กลายเป็นคำถามที่ตามหลัง “น้องน้ำ” มาติด ๆ ว่า ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ของ “คนเมืองหลวง” ซึ่งจะมีขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบันจากพรรคประชาธิปัตย์ ครบวาระการทำหน้าที่ในวันที่ 10 มกราคมปีหน้า จะมีใครเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งบ้าง
โดยเฉพาะจาก 2 พรรคการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
ในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ แม้ “คุณชายหมู” หรือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะประกาศตัว “ป้องกันแชมป์” ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. อีกสมัย แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาให้เห็น
อาจจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือไม่ก็ได้ แต่เหตุผลหลักของการที่ไม่มีความชัดเจน ประการสำคัญน่าจะอยู่ที่การประเมินว่า “คู่แข่ง” อย่างพรรคเพื่อไทยจะส่งใครลงสมัครมากกว่า
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหว “สนามเมืองหลวง” ของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน หลังจัดอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรทางการเมืองเรื่อง “ยุทธศาสตร์การลงพื้นที่” ในส่วนของภาค กทม.
หลัก ๆ ของงานนี้ก็คือการเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ก่อนที่ไปสู่นโยบาย สิ่งที่สังคมอยากรู้คือ ใครจะเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในส่วนของพรรคกันแน่
เต็งหนึ่งของงานนี้ คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก “คุณหญิงหน่อย” หรือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ประกาศตัวตั้งแต่พ้นโทษการเมือง 5 ปี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ขอเว้นวรรคในตำแหน่งรัฐมนตรี
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า หรือคุณหญิงหน่อยจะมองไกลไปกว่านั้น ซึ่งนั่นน่าหมายถึงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.
ในอดีตที่ผ่านมายังไม่เคยมี ผู้ว่าฯ กทม.ผู้หญิงมาก่อน
ใช่แต่คุณหญิงสุดารัตน์ ยังมีชื่อคนอื่นที่น่าสนใจอีกมากมาย
เห็นว่ามีชื่อ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง, ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.
ที่วันนี้ยังไม่ได้ “คำตอบ” น่าจะเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยมองว่า ตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่สามารถเชื่อได้อย่างแน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะลงสมัครอีกสมัย
สถานการณ์วันนี้จึงเป็นการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง เชื่อว่าในระยะหลังจากนี้จะมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
สนามเมืองหลวงครั้งนี้ มีความหมายทางการเมืองอย่างยิ่ง สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว “ไม่ได้” ก็ไม่เสียหาย เพราะอย่างไรความเป็นรัฐบาลก็ยังคงอยู่ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ สนามแห่งนี้คือที่มั่นทางการเมืองด่านสุดท้าย
เพื่อไทย “แพ้ได้” แต่ประชาธิปัตย์ “ห้ามแพ้” เด็ดขาด
นี่จึงเป็น “ที่มา” ของความเคลื่อนไหวที่ว่า ทำไมจึงไม่รีบร้อนเปิดตัวผู้ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. กันตั้งแต่ไก่โห่.
โดยเฉพาะจาก 2 พรรคการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
ในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ แม้ “คุณชายหมู” หรือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะประกาศตัว “ป้องกันแชมป์” ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. อีกสมัย แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาให้เห็น
อาจจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือไม่ก็ได้ แต่เหตุผลหลักของการที่ไม่มีความชัดเจน ประการสำคัญน่าจะอยู่ที่การประเมินว่า “คู่แข่ง” อย่างพรรคเพื่อไทยจะส่งใครลงสมัครมากกว่า
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหว “สนามเมืองหลวง” ของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน หลังจัดอบรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรทางการเมืองเรื่อง “ยุทธศาสตร์การลงพื้นที่” ในส่วนของภาค กทม.
หลัก ๆ ของงานนี้ก็คือการเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ก่อนที่ไปสู่นโยบาย สิ่งที่สังคมอยากรู้คือ ใครจะเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในส่วนของพรรคกันแน่
เต็งหนึ่งของงานนี้ คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก “คุณหญิงหน่อย” หรือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ประกาศตัวตั้งแต่พ้นโทษการเมือง 5 ปี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ขอเว้นวรรคในตำแหน่งรัฐมนตรี
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า หรือคุณหญิงหน่อยจะมองไกลไปกว่านั้น ซึ่งนั่นน่าหมายถึงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.
ในอดีตที่ผ่านมายังไม่เคยมี ผู้ว่าฯ กทม.ผู้หญิงมาก่อน
ใช่แต่คุณหญิงสุดารัตน์ ยังมีชื่อคนอื่นที่น่าสนใจอีกมากมาย
เห็นว่ามีชื่อ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง, ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.
ที่วันนี้ยังไม่ได้ “คำตอบ” น่าจะเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยมองว่า ตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่สามารถเชื่อได้อย่างแน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะลงสมัครอีกสมัย
สถานการณ์วันนี้จึงเป็นการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง เชื่อว่าในระยะหลังจากนี้จะมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
สนามเมืองหลวงครั้งนี้ มีความหมายทางการเมืองอย่างยิ่ง สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว “ไม่ได้” ก็ไม่เสียหาย เพราะอย่างไรความเป็นรัฐบาลก็ยังคงอยู่ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ สนามแห่งนี้คือที่มั่นทางการเมืองด่านสุดท้าย
เพื่อไทย “แพ้ได้” แต่ประชาธิปัตย์ “ห้ามแพ้” เด็ดขาด
นี่จึงเป็น “ที่มา” ของความเคลื่อนไหวที่ว่า ทำไมจึงไม่รีบร้อนเปิดตัวผู้ลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. กันตั้งแต่ไก่โห่.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น