วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์ไทยโพตส์

ผลสรุปคดีประวัติศาสตร์เผาเมือง เสื้อดำ กระสุนจริง
 คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) สรุปผลรายงาน การค้นหาความจริงเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553 ฉบับสมบูรณ์ หลังครบวาระการทำงาน 2 ปี จะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถนำไปอ้างอิง เพราะมีความน่าเชื่อถือและดำเนินอย่างเป็นกลางที่สุดเท่าที่มีการดำเนินการกันมา
 
นั่นเพราะหลักฐานและข้อมูลนั้น คอป.ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ศาล อัยการ หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คอป. ได้รับการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลผู้ต้องขัง บัญชีพยาน คำร้องการไต่สวน คำพิพากษาในคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและความไม่สงบในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษ

ภาคม 2553 รายชื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง และการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรง
 
รวมไปถึงการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและเยียวยาผู้ต้องขังในคดีความผิดต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 รวมถึงการสำรวจและบันทึกคำบอกเล่าผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงในประเทศไทย เพื่อการเยียวยาและการปรองดองทางสังคม แน่นอนว่าจะมีคนบางกลุ่มไม่พอใจผลสรุปนี้  นั่นเพราะไม่อาจนำไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองและคดีได้ง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา

 
ผลสรุป คอป.ระบุว่า พบหลักฐานชายชุดดำ คือบุคคลที่ไม่ทราบฝ่ายแน่ชัด ไม่ประกาศตัวชัด แต่ใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ทั้งก่อนและหลัง 10 เม.ย. 2553 จากหลักฐานกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พบมีการใช้ เอ็ม 79 และปืนเล็กยาวยิงใส่เจ้าหน้าที่ด้วย โดยการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม พบว่าเสียชีวิตเพราะระเบิดเอ็ม 67 ไม่ใช่กระสุนปืนอย่างที่เคยเข้าใจ

 
เจ้าหน้าที่ทหารนำอาวุธ ปลย. และกระสุนจริงไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย หลังถูกโจมตีด้วยลูกระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธ ปลย. กระสุนจริงยิงไปในทิศทางที่มีผู้ชุมนุมอยู่หนาแน่น โดยปรากฏร่องรอยกระสุนปืนจำนวนมาก พบผู้ชุมนุมเสียชีวิตและบาดเจ็บจากกระสุน ปลย. หรือกระสุนความเร็วสูง จำนวนมาก
 
มีผู้พบเห็นกลุ่มคนชุดดำ มีอาวุธ ปลย.และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 อย่างน้อย 5 คน อ้างว่าเป็นลูกน้องพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เคลื่อนไหวอยู่ในซอยต่างๆ บริเวณชุมชนบ่อนไก่และซอยงามดูพลี โดยควบคุมการปฏิบัติการของการ์ดผู้ชุมนุม เชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มที่ใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร ผู้ให้ข้อมูลยังได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ถึง 3 นาย แต่งกายครึ่งท่อน ซึ่งผู้ให้ข้อมูลรู้จัก อยู่ในบริเวณนั้นด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวได้ห้ามมิให้ชาวบ้านพูดเรื่องคนชุดดำให้คนอื่นทราบ

 
ผลสรุปในเหตุการณ์บริเวณวัดปทุมวนาราม วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 พบรอยเลือดบริเวณใต้ต้นไม้ด้านหลังศาลาสินธุเสก ติดกับกำแพงวัดด้านห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน ในจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารให้ปากคำว่า มีคนชุดดำอยู่บนต้นไม้กำลังยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทหารจึงยิงปืนตอบโต้กลับไป ทั้งจากการสัมภาษณ์และตรวจสถานที่เกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งได้เข้าไปในวัดปทุมวนารามเมื่อเช้ามืดของวันที่ 20 พฤษภาคม ให้ข้อมูลว่า พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวนหนึ่ง ตกอยู่ริมรั้วด้านในวัดบริเวณหน้าศาลาสินธุเสก และพบปืนเอ็ม 16 ถูกซ่อนไว้ในบริเวณใกล้เคียง
        
พบความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของรัฐ โดยเฉพาะ ศอฉ.ไม่มีระบบการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่ออกไปปฏิบัติการ นอกจากรอรับรายงาน ไม่มีการประเมินผลว่าคำสั่งปฏิบัติการจะมีผลอย่างไรกับผู้ชุมนุม ทำให้ผู้บริหารบางคนยังเข้าใจว่าไม่มีการใช้กระสุนจริง ทั้งที่จริงมีการใช้กระสุนจริงด้วย
 
ผลสรุปนี้สะท้อนให้เห็นว่า มีการต่อสู้โดยใช้อาวุธสงครามระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกองกำลังติดอาวุธชุดดำจริง มีการใช้กระสุนจริง มีผู้ชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่รัฐยิงเสียชีวิตจริง มีประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐถูกสังหารโดยกองกำลังชุดดำจริง ทั้งหมดคือความจริงที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะมีความพยายามเหมือนอย่างที่แกนนำแดงบิดเบือนว่า ไม่มีชายชุดดำก็ตาม.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น