วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สามัญชนต้ำเตี้ย

สูงสุดที่ 'สามัญชนต่ำเตี้ย' รอคำตอบ

  ประเทศไทย มีข้าราชการ "สูงสุด" อยู่ ๒ คน คนหนึ่ง "ผู้บัญชาการทหารสูงสุด" และอีกคน "อัยการสูงสุด" ในรอบสัปดาห์ มีเรื่องทำให้สังคมเกิดคำถามกับกระบวนการอัยการขึ้นว่า "เบื้องหลังความยุติธรรมคือความไม่ยุติธรรม" และ "ความอิสระของอัยการ" คือการทำอย่างใดก็ได้ โดยไม่แคร์ว่าจะมีใครตรวจสอบได้ อย่างนั้นหรือเปล่า?
   
นี่คือคำถาม และผู้ที่เป็น "อัยการสูงสุด" ขณะนี้ชื่อ "นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์" ควรอธิบายเป็นคำตอบให้สังคมได้เข้าใจ ก่อนที่หน่วยงานอิสระอันเป็น "ต้นน้ำ" กระบวนการยุติธรรมจะ "เสื่อม" ศรัทธาและความเชื่อถือไปจากสังคม เหมือนตำรวจ และ DSI ที่ "เสื่อม" อยู่ขณะนี้
   
เหตุก็จากเรื่องที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จำเลยคดีการหายตัวไปของนายอัลรูไวลี ได้กล่าวหาอัยการและดีเอสไอว่า ร่วมกันนำพยานที่ปรักปรำเขา คือ "พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก" หนีออกนอกประเทศไปซุกไว้ที่ดูไบ
   
เหตุที่ พล.ต.ท.สมคิดใช้คำว่า "พาพยานหนี" เพราะ พ.ต.ท.สุวิชชัยเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับตามคำพิพากษาศาลมีนบุรีที่ให้จำคุกตลอดชีวิต ในคดีฆ่าเชื้อพระวงศ์ลาว
   
เพราะความที่อัยการ-ดีเอสไอ ต้องการใช้ พ.ต.ท.สุวิชชัยเป็น "พยานเอก" ในการรื้อฟื้นคดีใหม่ ตามคำสั่งรัฐบาลทักษิณ แทนที่เจอตัวแล้วจะจับเข้าคุกตามหน้าที่ ซึ่งนั่นก็ยังสามารถเบิกตัวมาเป็นพยานได้   
   
แต่อัยการ-ดีเอสไอ กลับเลือกใช้วิธีตามที่ พล.ต.ท.สมคิดกล่าวหา ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศออกพาสปอร์ตให้ อัยการซื้อตั๋วเครื่องบินให้ และดีเอสไอเป็นฝ่ายพา พ.ต.ท.สุวิชชัย ซึ่งเป็นอาชญากรหนีหมายจับ ออกนอกประเทศทางสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งดูไบ
    "
ด้วยวิธีพิเศษ"!?
    "
วิธีพิเศษ" คือไม่ผ่านด่าน ตม.ตามปกติ ส่วนจะประทับตราขาออกในพาสปอร์ตให้กันด้วยวิธีไม่ปกติด้วยหรือไม่ คงไม่ต้องอธิบาย ถ้าออกตามปกติ คงไม่ได้ออก เพราะเจ้าหน้าที่ ตม.กดคอมพ์ปุ๊บ ใบหน้าและรายชื่อในทะเบียนประวัติอาชญากร บุคคล "ห้ามออกนอกประเทศ" จะเด้งปั๊บ
   
ถูกจับทันที!
   
แต่อาชญากรหนีหมายจับ ไม่ถูกจับ เพราะ "ด้วยวิธีพิเศษ" ที่เป็นเช่นนั้นด้วยเหตุผลใด ผมคิดว่า อัยการ-ดีเอสไอ-ต่างประเทศ และ ตม.น่าจะเป็นผู้อธิบายให้สังคมได้เข้าใจ ปล่อยให้เขานินทากัน ไม่ดีหรอก
   
ในส่วนที่เป็นเขตอำนาจอัยการพึงปฏิบัติ และในส่วนที่ถูกหาเป็นผู้จ่ายเงินซื้อตั๋วพาพยานหนีไปซุกไว้ดูไบ ตรงนี้ พล.ต.ท.สมคิดได้ทำหนังสือถึงท่านอัยการสูงสุด ผ่าน "นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล" อธิบดีอัยการสำนักคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกอัยการไปแล้วหลายวันก่อน
   
ประเด็นหลัก นอกจากให้อัยการประสานดูไบ ส่งตัว พ.ต.ท.สุวิชชัยกลับมาในฐานะ "ผู้ร้ายข้ามแดน" แล้ว ยังให้สอบสวนทำความจริงให้กระจ่างในพฤติกรรมอัยการบางคน เช่น นางอินทรานี สุมาวงศ์ อัยการพิเศษ ฝ่ายกิจการต่างประเทศ ๒ เป็นต้น
   
พล.ต.ท.สมคิดอ้างหลักฐานว่า เป็นผู้จ่ายเงินซื้อตั๋วเครื่องบินให้ทั้ง พ.ต.ท.สุวิชชัยและดีเอสไอ ในลักษณะพาพยานอันเป็นอาชญากรหนีออกนอกประเทศ ด้วยเจตนาไม่สุจริตบางอย่าง
   
แต่ดูเหมือนท่านจุลสิงห์ วสันตสิงห์ คล้ายหนังสือยังไม่ถึงมือ หรือด้วยเห็นไม่สำคัญ หรือด้วยยังหาคำตอบเป็นทางออกไม่ลงตัว หรือด้วยอุ้มสมเพราะรู้เห็น หรือด้วยอยู่ระหว่างบูรณาการเรื่องราว
   
จึงไม่ปรากฏว่า ท่าน...ในฐานะอัยการสูงสุด ได้แสดง "ความสูงสุด" ด้วยจริยธรรม ด้วยคุณธรรม ด้วยดุลยธรรม และด้วยความรับผิดชอบตามตำแหน่งหน้าที่ "อย่างใด-อย่างหนึ่ง" ออกมา ดังที่เรียกกันว่า "รู้ร้อน-รู้หนาว" ต่อพฤติกรรมฉาวของคนสถาบันอัยการเลย!?
   
ระหว่างนี้ ผมปะติด-ปะต่อเรื่องราวจากแฟ้มข่าว ก็เกิดประเด็นสงสัยฝากถึงท่านอัยการสูงสุดเพื่อวินิจฉัยด้วยว่า เรื่องอาชญากรพยานปากนี้ ไม่ได้ร่วมมือกันเฉพาะกระทรวงต่างประเทศ-อัยการ-ดีเอสไอ-มหาดไทย เท่านั้น มีความน่าจะเป็นว่า
    "
คนสถานทูตซาอุฯ-ยูเออี" ก็ร่วมรู้-เห็นด้วย!?
   
เพราะพนักงานอัยการ "นายโกวิท ศรีไพโรจน์" ที่ยื่นคำร้องขอศาลส่งประเด็นไปสืบพยานปากนี้ที่ดูไบ อ้างต่อศาลเมื่อ ๗ ม.ค.๕๖ ว่า "พ.ต.ท.สุวิชชัยพำนักอยู่ยูเออี ตามหนังสือกระทรวงการต่างประเทศไทย ลงวันที่ ๗ ม.ค.๕๖ และหนังสือกระทรวงการต่างประเทศ กรมกิจการคนในชาติและคนต่างชาติ ยูเออี ลงวันที่ ๖ ม.ค.๕๖"?
   
คือยูเออี เป็นผู้แจ้งให้ไทยทราบผ่านกระทรวงต่างประเทศว่า "พ.ต.ท.สุวิชชัยอยูที่นั่น"
   
คำถามจึงมีอยู่ว่า...ทำไมยูเออี หรือดูไบจึงกระตือรือร้น "ร่วมมือ" เป็นพิเศษ รีบแจ้งให้ไทยทราบ แต่กับทักษิณ ก็เป็นอาชญากรหนีคดีอยู่ดูไบเช่นกัน
   
แต่ยูเออีไม่เคยกระตือรือร้นแบบนี้เลย?
   
ก่อนหน้านี้ เมื่อ ๑๑ ก.พ.๕๕ สถานทูตซาอุฯ ก็กระตือรือร้นแจ้งมายังไทยชนิดไม่มีเหตุผลว่า "พ.ต.ท.สุวิชชัยไม่ได้อยู่ที่ซาอุฯ" และต่อมา ๒๖ ธ.ค.๕๕ อัยการอ้างถึงหนังสือสถานทูตยูเออี แจ้งต่อศาลว่า พ.ต.ท.สุวิชชัยอยู่ยูเออี?
   
ทำไมทั้งซาอุฯ ทั้งยูเออี จึงร่วมมือกับไทย "เฉพาะเรื่องนี้" ออกหน้า-ออกตาเป็นพิเศษ และพูดถึงการหลบหนี ในโลกนี้มีหลายร้อยประเทศ ถ้าไม่มีเบื้องหลัง ก็คงมีแต่คนสติไม่สมบูรณ์เท่านั้น ที่จะหนีไปซาอุฯ หรือยูเออี
   
เอาหละ...ถ้ายูเออีเป็นมิตรที่แสนดีบริสุทธิ์ใจ ทำไมอัยการ-กระทรวงต่างประเทศ จึงไม่เดินตามช่องการทูต ประสาน "ตำรวจสากล" ให้จับตัว พ.ต.ท.สุวิชชัยส่งกลับไทย
   
ที่อ้างกันว่า...ไทยกับยูเออีไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ผมอยากให้ท่านจุลสิงห์อ่านอะไรซักเล็กน้อย เผื่อท่านจะจำอะไรได้บ้าง
    18
ก.พ.53 ที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวนายไมเคิล ไบรอัน สมิธ สัญชาติอังกฤษ อดีตผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล บริษัท ลิมิตลิส สำนักงานใหญ่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศยูเออี ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารกระทำผิดในการโอนเงินของบริษัทเข้าบัญชีตนเองโดยมิชอบ และฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 และ 341 ตามคำร้องขอของอัยการโจทก์
   
ก่อนหน้านี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประจำประเทศไทย มีคำร้องขอตามหนังสือทางการทูต มายังกระทรวงการต่างประเทศ และมีหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอพิจารณาดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตาม พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มาตรา 8
   
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวว่า คดีดังกล่าวทางการยูเออีได้ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการทูตมายังอัยการ เพราะไทยกับยูเออีไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่อัยการเห็นว่าเป็นคดีอาชญากรรมพื้นฐาน จึงให้ความร่วมมือในการยื่นคำร้อง จนศาลมีคำสั่งส่งตัว"
   
จำได้หรือยังครับท่านอัยการสูงสุด เราเคยช่วยเขา ถ้าเราร้องขอเขาบ้าง กับแค่ส่งตัวพ.ต.ท.สุวิชชัยอันเป็น "คดีอาชญากรรมพื้นฐาน" มาให้ ทำไมเขาจะไม่ช่วย หากแต่มีเจตนาไม่ขอไปเอง
   
ท่านจุลสิงห์มีคำอธิบายตรงนี้ซักเล็กน้อยไหมครับ?
   
คงอธิบายยากหน่อยกระมัง อธิบายไม่ดีจะขัดกับความจริงที่ปรากฏอยู่ คือนอกจากทั้งไม่ต้องการร้องขอ และทั้งไม่ต้องการให้จำเลยได้ซักค้านพยานปากนี้ในศาลแล้ว อัยการเสียเอง ร่วมดีเอสไอ-กระทรวงต่างประเทศ สมคบกันพาตัวไปซุกไว้ที่ดูไบ
   
เมื่อต่อจิ๊กซอว์แล้วจึงเห็น แขกซาอุฯ กับแขกยูเออี ร่วมเล่นยี่เกกับอัยการ-ดีเอสไอรางๆ!
   
อีกประเด็นที่อัยการและกระทรวงต่างประเทศ "ต้องตอบ" คือ ในเมื่อเขาแจ้งที่อยู่ของผู้ต้องหาหลบหนีชัดเจน ทำไมไม่ดำเนินการตามช่องทางการทูต เพื่อเอาตัวกลับมารับโทษ ตามอำนาจ-หน้าที่ ที่อัยการและกระทรวงต่างประเทศพึงทำ?
   
จำได้ไหม ตอนที่ทักษิณเข้าอเมริกา มีคนรุกเร้าให้นายสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ขอให้สหรัฐส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายปึ้งอ้างกับนักข่าวว่าอย่างไร?
    “
โดยหลักการการส่งผู้ร้ายข้ามแดน กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ส่งคำร้องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผ่านช่องทางการทูตเท่านั้น และในการติดตามตัวเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กระทรวงการต่างประเทศไม่มีอำนาจหน้าที่ ไม่ใช่หน่วยงานผู้ปฏิบัติให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแต่อย่างใด อีกทั้งทางการไทยจะไม่สามารถจัดส่งคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังต่างประเทศได้ ถ้ายังไม่มีแหล่งที่อยู่ที่แน่นอน
   
นายสุรพงษ์ นายจุลสิงห์ เคยได้ยินคำนี้ไหม "คำพูดมัดคอตัวเอง" ยูเออีแจ้งหลักแหล่งที่อยู่แน่นอนของ พ.ต.ท.สุวิชชัยให้ทั้งกระทรวงต่างประเทศ และทั้งอัยการทราบแล้ว ทำไมจึงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
   
หรือเพราะ กู....สูงสุด?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น