ประชาธิปไตยแบบไทยไทย นักการเมืองเห็นแก่ได้ ประชาชนยังไม่เข้าใจหน้าที่ตนเอง
วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557
ความเหมือน-ความต่าง "๕๓ กับ ๕๗"
อู๊ยยยย...จะดัดจริตไปถึงไหนกันจ๊ะแม่คุณ ทำวี้ดว้ายกระตู้วู้ ๑๓ มกรา ประชาธิปไตยมวลมหาประชาชนบานสะพรึ่บพร้อมกัน จะทำให้กรุงเทพฯ ตันไปไหน-มาไหนไม่สะดวกน่ะ...
แล้วที่รัฐบาลให้ตู่-เต้นไปเกณฑ์คนเสื้อแดง "ปิดทั้ง ๗๗ จังหวัด" ประชันนั่นล่ะ มันไม่ทำให้ "ตันทั้งประเทศ" ร้ายยิ่งไปกว่าดอกหรือ?
มวลมหาประชาชนเป็นคนสำนึกดี ยอมสละสุขตนวันนี้ ทำหน้าที่ขับไล่โจรล้มสถาบัน-ปล้นบ้าน-กินเมือง ล้างเสนียดคนจัญไรให้แผ่นดิน ถางทางสู่อนาคตใหม่ให้ไทยทั้งประเทศ
แล้วนางตอแหลกับรัฐมนตรีขี้ข้าระบอบทักษิณ ออกมาข่มขู่เป็นกบฏ ตอหลด-ตอแหลประเทศจะพัง เศรษฐกิจจะทรุด นักท่องเที่ยวจะหนี การค้า-การขาย จะตายหมด
ช่างตดทางปาก หน้าไม่อาย ไปตดให้ควายกลางทุ่งดมโน่นไป๊...!
จะมาหลอกมหาประชาชนคนไทยที่ตาสว่าง-ตื่นรู้ให้กลัวไม่สำเร็จหรอก เพราะสาธุชนคนดีส่วนใหญ่เขาเข้าใจ
เจ็บจากผ่าตัดหนเดียว แล้วโรคหายขาด ดีกว่าอยู่อย่างอมโรค เจ็บปวดทรมานไปจนตาย
และที่ว่า "จะตายหมด" นั่นน่ะ ถ้าตายจริง ไม่ใช่ตายเพราะประชาธิปไตยมวลชนบานเต็มตามสี่แยกทั่วกรุง
มันตายเพราะประชานิยมถมทะเล กู้มาโกง ๓.๕ แสนล้าน, ๒ ล้านล้าน รับจำนำข้าวทุกเมล็ดเกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ซึ่ง "ตายถึงรากประเทศ" ไปแล้วกว่า ๕-๖ แสนล้าน
และต้องเข้าใจ มวลมหาประชาชน โดยกำนันสุเทพ "หมอใหญ่" นั้น เป็นหมอเทพ ไม่ใช่หมอมาร
ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ขายตัวเอง ไม่ได้ขายชาติ-ขายบ้านเมือง แลกยศ แลกตำแหน่ง แลกความร่ำรวยให้ตัวเอง
และที่แน่ๆ ด้วยสันติ-อหิงสา มวลมหาประชาชนใช้สิทธิตามมาตรา ๖๙ และทำหน้าที่ตามมาตรา ๗๐ ของรัฐธรรมนูญ พิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ ให้คงอยู่
ไม่ฆ่าตำรวจ-ทหาร ไม่เผาบ้าน-แยกเมือง ไม่ก่อวินาศกรรม ไม่อุ้มพระสยามเทวาธิราชไปให้เขมร...ล้านเปอร์เซ็นต์!
และทั้งไม่ตกใจเข้าห้าง กวาดแบรนด์เนมเกลี้ยง เหมือนม็อบเสื้อแดงที่ยิ่งลักษณ์-นางเยาวภา-นายสมชาย เคยไปสุมหัวอยู่ด้วยที่ราชประสงค์ ตอนปี ๕๓!
สรุปให้เห็นภาพเปรียบเทียบชัดๆ ระหว่างประชาธิปไตยมวลมหาประชาชนบานทั่วกรุง ๑๓ มกรา ๕๗ กับ นปช.ไพร่ชุมนุม ปิดสี่แยกราชประสงค์ พฤษภา ๕๓
เหมือน "ขาว กับ ดำ"!
กำนันสุเทพรู้ มวลมหาประชาชนรู้ คณะ กปปส.รู้ คือรู้ในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ว่า "ทำด้วยเจตนาอะไร"
ไม่ได้ทำด้วยหวังชั่ว-หวังร้าย ฉะนั้น ในวันที่ ๑๓ มกรา อะไรควร-ไม่ควรแค่ไหนในภาคปฏิบัติ วิญญูชนเข้าใจชัด ว่าเส้นแบ่งแห่งการชุมนุมเฉดหัวยิ่งลักษณ์ กับเส้นแบ่งแห่งวิถีชีวิตประจำวันคนกรุง อยู่ ณ ตรงไหน
ที่ต้องบริหารให้สมดุล?
ณ ขณะนี้ รัฐบาลหยิบเอาสิ่งยังไม่เกิด มาวาดเป็นภาพในอากาศให้กลัวกันล่วงหน้า ก็เข้าใจหรอกว่า เล่ห์เพทุบายในการศึก เป็นกลวิธีหนึ่งที่แต่ละฝ่ายต้องงัดขึ้นมาใช้
ดังนั้น ก็ขอบอกให้ "มนุษย์โลกสวย" ทั้งหลาย จงสบายใจได้...!
วันนั้น ใครอยากไปไหน-มาไหน เมื่อพฤษภา ๕๓ ไปไหน-มาไหนได้อย่างไร ๑๓ มกรา ก็ไปได้-มาได้อย่างนั้น
แถมสบายกว่า ปีติในฐานะผู้สร้างว่าเกิดประโยชน์ต่อสังคมชาติกว่า!
เกรงแต่ว่า เมื่อเห็นประชาธิปไตยบานสะพรั่งสวยงามตามสี่แยกแล้ว ด้วยเลือดไทยร่วมแผ่นดินเดียวกัน
ก็จะเป็น ๑ ช่อประชาธิปไตยในท้องถนนร่วมกับเขาด้วยน่ะซี้!?
เมื่อวาน (๖ ม.ค.๕๗) โทษฐานที่ผมตื่นเที่ยง เลยได้เห็น "นายชัยเกษม นิติสิริ" รมว.ยุติธรรม เวียนนั่งแป้น ศอ.รส.งัดกฎหมายขู่กำนันสุเทพ และมวลมหาประชาชนหน้าจอโทรทัศน์
กำนันสุเทพเป็นกบฏ เตือนเชิงขู่ ๑๓ มกรา ใครออกไปร่วมเป็นประชาธิปไตยมหาชนกับกำนันสุเทพ จะพลอยเป็นกบฏ โทษประหารตามไปด้วย!
ก็ต้องขอบคุณอดีตอัยการสูงลิ่วเท่าตึกชิน ที่ออกมาเตือนมวลมหาประชาชนผู้ทำหน้าที่ไล่โจรแผ่นดิน พิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ
แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ท่านช่วยไปสร้างคุกรอมวลมหาประชาชนที่จะไปติดพร้อมๆ กันซัก ๑๐-๒๐ ล้านคน ไว้ให้พร้อมเถอะ
ว่าแต่ว่า ติดคุกกันหมด ๑๐-๒๐ ล้านคน ขอโทษ...แล้วพวกมึง "สมุนโจร" ระบอบทักษิณ จะเอาเงินเดือนที่ไหนแดกล่ะ?
ถามว่า ประชาชนร่วมขับไล่รัฐบาลโกงบ้าน-กินเมืองเจอข้อหาร่วมกบฏ แล้วพวกข้าราชการ นักการเมืองที่อสัตย์ชาติ ยอมรับใช้โจรหนีคุก โจรปล้นบ้าน-กินเมืองล่ะ.....?
ไปกราบตีนขอตำแหน่งบ้าง ไปให้ประดับยศให้บ้าง ไปเลาะตะเข็บกฎหมายโกงให้บ้าง ไปเป็นรัฐมนตรีร่วมทำงานให้คณะโจรเผาบ้าน-เผาเมืองบ้าง
อย่างนี้...ก็ต้องเจอข้อหากบฏ ผิดกฎหมายขั้นร้ายแรง มีอายุความถึง ๒๐ ปีด้วยใช่มั้ย?
ซวยกุลุดม้อละทีนี้ มีเงินจากการเป็นบอร์ดก็ไม่ทันได้ใช้ ติดคุกดอแห้งซะก่อนละมึงเอ้ยยยย...!
นายชัยเกษมเขาอ่านโพยขู่อีกตอนว่า
"......มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้มีความเห็นต่าง หรืออาจปะทะกับกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งจงใจจะสร้างสถานการณ์ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง"
พูดได้คำเดียวว่า...อนาถ!
คุณเป็นคณะรัฐบาล ซ้ำมาทำหน้าที่ใน ศอ.รส.มีกฎหมายพิเศษใช้ เพื่อทำหน้าที่ป้องกันเหตุร้าย เสริมสร้างความสงบให้บ้านเมือง และให้ความปลอดภัยประชาชน
แล้วคุณยก "ความเสี่ยงสูง" ที่จะเกิดปะทะมาพูดได้อย่างไร?
ด้วยอำนาจเต็มมือ ถ้ารู้ว่ากลุ่มไหนเป็นผู้ไม่หวังดี มีความเห็นต่าง จงใจสร้างสถานการณ์ด้วยเจตนาปะทะกับมวลมหาประชาชน
ก็ไปจัดการซะซี อย่าให้มันมาสร้างสถานการณ์!
ผมจะเตือนความจำให้ ตั้งแต่กำนันสุเทพจัดชุมนุมไล่โจรประเทศที่สามเสน จนย้ายมาราชดำเนิน นี่ก็เข้าเดือนที่ ๓ แล้ว
ไม่ปรากฏเลยว่า มวลมหาประชาชนจะไปไล่ทุบ ไล่ตี ไล่ยิง ไล่ปะทะ ไปทำอะไรก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ทั้งกับชีวิตและทรัพย์สินคนอื่นเลย
ตรงกันข้าม สิ่งที่คนทั้งโลกประจักษ์ เห็นตำรวจ เห็นชายชุดดำในกลุ่มตำรวจ เห็น นปช.เสื้อแดง เห็นขบวนการระบอบทักษิณ เห็นกองกำลัง (ไม่) ทราบสัญชาติ
ไล่ทุบ ไล่ตี ไล่ยิง ไล่ปาแก๊สน้ำตา ไล่ล่ามวลมหาประชาชนและกำนันสุเทพ นิติธร และกระทั่งสันติ-อหิงสาอย่างกองทัพธรรม ก็ยังไม่วายเจอระเบิด!
สรุปชัดก็คือ มวลมหาประชาชน เป็นสุจริตชนสร้างเมือง ไม่ทำร้ายใคร ไม่ทำลายบ้านเมือง
และชัดๆ...
ฝ่ายทำร้ายใคร ฝ่ายทำลายบ้านเมือง ฝ่ายไม่หวังดี ฝ่ายจงใจสร้างสถานการณ์ ก็อยู่ในฝ่ายรัฐบาล ฝ่าย ศอ.รส.นั่นแหละ!
ถ้าชัยเกษม หรือคณะรัฐบาล หวังดีต่อสถานการณ์บ้านเมือง ก็มี ๒ วิธีให้เลือกทำ
๑.อย่าให้ตำรวจ-นปช.-กองกำลังไม่ทราบฝ่ายสร้างสถานการณ์ และมาปะทะ ด้วยเจตนาทำร้ายมวลมหาประชาชน และ ๒.บอกปู ให้รีบหนีไป
ก่อนตาย "คากระดอง"!.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น