วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

บทเรียนจากบังกลาเทศ

ตายไปแล้วเป็นสิบ หรือเป็นร้อย ก็ยังไม่เป็นที่สรุปชัดเจน เซ่นสังเวยการเดินหน้าเลือกตั้งที่บังกลาเทศ บางตัวเลขบอกว่า 10-20-30 ราย บางตัวเลขบอกว่าตายไปแล้วกว่า 150 ราย แต่ที่ให้ตัวเลขตรงกันก็คือคูหาเลือกตั้งกว่า 200 แห่ง ถูกบุกเผา ขว้างระเบิด ฉิบหาย วายวอด ไปไม่ต่ำกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ... --------------------------------------------------- นี่แหละ...การปกป้องประชาธิปไตย โดยถือเอา การเลือกตั้ง เป็นยาสารพัดโรค จากที่เคยหวังๆ เอาไว้ว่า ยาชนิดนี้สามารถกินกะได้ ทากะได้ ผัวดม เมียหาย พ่อตาตาย แม่ยายฟื้น แต่สุดท้าย...ความฉิบหาย วายวอด ที่ปรากฏให้เห็นต่อหน้า ต่อตา ต่อสายตาของชาวโลก เป็นตัวพิสูจน์ ยืนยัน และตอกย้ำ ให้เห็นโดยชัดเจนว่า ความเป็นประชาธิปไตย นั้น...มันยังมีอะไรมากไปกว่า การเลือกตั้ง อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าความถูกต้อง เป็นธรรม ที่ถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานกำกับ ดูแล การเลือกตั้งในแต่ละครั้ง ความยินยอม พร้อมใจ ของผู้คนที่มีต่อการเลือกตั้งอย่างชนิดทั่วถึงกันหมด มันถึงจะทำให้การเลือกตั้งนั้นๆ พอจะนำมาใช้เป็นตัวสะท้อนความเป็นประชาธิปไตย ให้ดำเนินไปตามครรลองของมันได้... ------------------------------------------------------- แต่ขณะที่สถานการณ์เลือกตั้งในบังกลาเทศแทบจะแกะกล่อง แกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันกับประเทศไทย คือถูกต่อต้าน ถูกบอยคอต จากประชาชนและพรรคฝ่ายค้าน อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ การเดินหน้าเลือกตั้งโดยไม่ได้คิดจะสนใจกับเสียงของผู้ที่มีส่วนร่วมกับกระบวนการประชาธิปไตยภายในประเทศตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย ผลลัพธ์...มันจึงต้องออกมาในแนว ประชาธิป...ตาย ไม่ใช่ ประชาธิปไตย อย่างที่เห็นๆ กันไปแล้วนั่นแหละ คือออกไปทางฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง ถึงรัฐบาลจะออกมาป่าวประกาศชัยชนะอันเนื่องมาจากการคว้าเก้าอี้ ส.ส.จำนวน 86 ที่นั่ง จาก 116 ที่นั่งจากการเลือกตั้งคราวนี้ แต่ชัยชนะที่ว่านอกจากจะไม่สามารถนำเอาไป ปกครองประเทศ ได้ ยังกลายเป็นชัยชนะที่มีส่วนทำลาย ความเป็นประชาธิปไตย ในบังกลาเทศ ให้ต้องตกต่ำ พิกลพิการ หนักขึ้นไปอีก... -------------------------------------------------------------- ด้วยเหตุนี้...บรรดานักปกป้องประชาธิปไตย สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย หรือกลุ่ม ลูกกะโป่งสีขาว ในบ้านเราทั้งหลาย ก็พึงเอาหัวแม่ตีนตรองดูให้ดีเถิด ถ้าหาก การเลือกตั้ง เพียงลูกเดียวล้วนๆ มันสามารถทำให้ความเป็นประชาธิปไตยก้าวหน้า พัฒนา ไปได้อย่างเพียบพร้อม สมบูรณ์ ป่านนี้...เราทั้งหลายคงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กับการ พายเรือในอ่าง วนไป-วนมาอยู่กับความเสื่อมโทรมของประชาธิปไตยมาเกือบ 80-90 ปีเข้าไปแล้ว และมีแต่จะเสื่อมโทรม ทรุดโทรม หนักขึ้นไปกว่านี้ ตราบใดที่เรายังปล่อยให้ การเลือกตั้ง กลายเป็นแค่ เครื่องมือ เป็น กรรมวิธี ที่ เผด็จการทุนสามานย์ สามารถนำมาใช้ควบคุมและกลืนกินประเทศทั้งประเทศได้โดยไม่จำเป็นจะต้องสนใจกับความถูกต้อง เป็นธรรม ศีลธรรมและคุณธรรมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย... ------------------------------------------------------------------- การเรียกร้องให้ ปฏิรูปประเทศ ก่อนที่จะกลับไปดำเนินกระบวนการเลือกตั้งกันใหม่ จึงเป็นอะไรที่มีเหตุ มีผล มีน้ำหนักมากพอ สำหรับการสร้างบรรยากาศความร่วมมือ ร่วมใจ เพื่อนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ไม่ได้วัดตัดสินกันที่ การเลือกตั้ง เท่านั้น ประชาธิปไตยที่สามารถดำรง รักษา ความมีส่วนร่วม ของประชาชนทุกๆ ฝ่าย ทั้งก่อนหน้าการเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบได้ร่วมกันแค่ประมาณ 4 วินาทีในคูหาเลือกตั้ง หลังจากนั้นต้องทนทรมาน ถูกข่มขืน ถูกลักหลับ ถูกกระทำย่ำยี ต่อไปอีก 4 ปี 8 ปี หรือ 12 ปี เป็นอย่างน้อย ชนิดประเทศทั้งประเทศใกล้พินาศ ฉิบหาย อยู่มะรอมมะร่อ ไม่ว่าในแง่การเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม-วัฒนธรรมก็ตามที... --------------------------------------------------------------------- อย่างไรก็ตาม...แม้ว่าผู้ต้องการที่จะเห็นความเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย จะไม่ได้มีอากัปกิริยาดุเดือด รุนแรง อย่างที่เห็นๆ กันในบังกลาเทศ แต่ความพยายามดิ้นรนนำเอา การเลือกตั้ง มาใช้เป็นตัวชี้ขาดชัยชนะและความพ่ายแพ้ ระหว่างมวลมหาประชาชนนับล้านๆ กับรัฐบาลที่แทบไม่หลงเหลือสภาพความเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ นับวันมันยิ่งก่อให้เกิด การสะสมความรุนแรง ปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามอาศัย พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เข้าบดขยี้ทำลายผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในขั้นตอนสุดท้าย หรืออาศัยกุ๊ยและอันธพาลเข้าเล่นงานฝ่ายตรงกันข้ามในแบบ มวลชนปะทะกับมวลชน ในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ โอกาสที่ บังกลาเทศโมเดล กับ ไทยโมเดล จะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน จึงใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย... -------------------------------------------------------------------- ทั้งนั้นทั้งนี้...จึงต้องขึ้นอยู่กับบรรดาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงทั้งหลาย ที่จะต้องนำเอาบทเรียนของบังกลาเทศมาใช้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประเทศไทยซะแต่เนิ่นๆ การปล่อยให้รัฐบาลซึ่งมีบทบาทโดยตรงในการใช้ความรุนแรง ดิ้นรน เถลือกไถล ไปเรื่อยๆ โดยปราศจากคำตอบที่ชัดเจนว่าจะนำพาชาติบ้านเมืองต่อไปได้อย่างไร อันที่จริง...มันคงไม่ต่างอะไรไปจากการสนับสนุนความรุนแรงทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อมนั่นเอง ถ้าไม่ต้องการที่จะเซ่นสังเวยประชาธิปไตยด้วยเลือดเนื้อของคนไทยด้วยกันเอง มีแต่ต้องร่วมมือ ร่วมใจ หาทาง จบ ทุกสิ่งทุกอย่างลงไปให้ได้ก่อนวันที่ 2 กุมภาพันธ์แต่เพียงเท่านั้น!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น