วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

แปลก-ใหม่ "มหาชน" สู่อนาคตใหม่


แปลก-ใหม่ "มหาชน" สู่อนาคตใหม่
เปลว สีเงิน
 ออกมาแถลงในฐานะอะไรล่ะ...!
    ในฐานะเจ้าพนักงานตำรวจ หรือในฐานะผู้ร้ายปากแข็ง ฆ่าประชาชน ฆ่าพวกเดียวกันเองตาย ในเหตุการณ์ตำรวจบ้าเลือด ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น เมื่อ ๒๖ ธ.ค.๕๖ ที่ผ่านมา?
    น่าระบุให้ชัดๆ นะ ท่าน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ ๑๐ และ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงศ์ ผู้บัญชาการเหตุการณ์วันนั้น!
    ก็แหม...ไล่ยิง ไล่ตี ไล่กระทืบ มวลมหาประชาชนกลางวันแสกๆ อย่างบ้าคลั่งเหมือนถ่ายทำภาพยนตร์กลางแจ้ง ในฉาก "อัศวินแม้วกระหายเลือด"
    มีทั้งชาวบ้าน ทั้งนักข่าวจากสำนักข่าวทั่วโลก และช่างภาพไทย-เทศนับร้อยๆ กล้อง เป็นสักขีพยานและร่วมถ่ายทำ เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา
    ขนาด ผบ.ตร. "พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว" ยังทนละอายในชายชาติตำรวจไม่ไหว ออกมาสารภาพว่า...
    ทั้งชายชุดดำที่สไนเปอร์บนหลังคากระทรวงแรงงาน และไล่ทุบรถผู้ชุมนุมอย่างบ้าคลั่งวันนั้น
    เป็นตำรวจ...จริง"!
    เอาล่ะ...เมื่อยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ก็ไม่ต้อนกันจนไม่มีรูหายใจ เหตุเกิดกลางวันแสกๆ ในยุค "สื่อสารครองโลก" ขืนดันทุรังปฏิเสธ ก็รังแต่จะถูก "คนทั้งโลก" หยาม
    นิ่งเฉยไว้ ๗ วัน รอจนเมื่อ "จำนนด้วยหลักฐาน" จึงค่อยเปิดปาก แค่นี้...ทั้งในวิชาชีพตำรวจ และทั้งเชิงชั้นลูกผู้ชาย มโนธรรมสำนึกมันก็กระหน่ำซ้ำโบย "ความเป็นคน" จนแทบสิ้นคนอยู่แล้ว!
    เมื่อ "ลูกพี่" คือ ผบ.ตร.ออกมายอมรับ "ลูกน้อง" ๒-๓ นายนั้น จึงจำต้องแบกหน้าดำคล้ำด้วย "อับเศร้า-หมองศรี" ออกมาแถลง
    ก็...แถลงแบบ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ปากแข็ง" ครึ่งรับว่าชุดดำบนหลัง และที่ไล่ทุบรถ...เป็นตำรวจจริง
    แต่การตายของ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ กับมวลมหาประชาชน วสุ สุฉันทบุตร นายตำรวจระดับ พล.ต.อ.นามว่า "จรัมพร" ครึ่งปฏิเสธว่า
    "ยืนยันได้ว่า กลุ่มบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปรากฏบนตึก ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทั้ง ๒ ราย เนื่องจากความสูงของตึกดังกล่าว มีความสูงเพียง ๑๒ เมตร และมีตึกที่สูงกว่าบังอยู่โดยรอบ ทำให้ไม่สามารถที่จะยิงจากจุดนี้ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิถีกระสุน และจุดที่ทั้ง ๒ ถูกยิงตามหลักฐานที่ปรากฏ"
    จรัมพร-พล.ต.อ.ยังเนียนสนิท ไร้รอยต่อ อีกว่า
    "เจ้าหน้าที่ที่ขึ้นไปประจำการบนตึกนั้น มีเพียงปืนที่ใช้ยิงแก๊สน้ำตา ปืนลูกซองที่ใช้ยิงกระสุนยาง และแก๊สน้ำตาประเภทขว้างเท่านั้น"
    ความจริงวันนี้ ไม่ได้ตั้งใจคุยเรื่องตำรวจ และอีกอย่าง ป่วยการโต้แย้งหรือโต้เถียงตำรวจ ไม่ว่ากับตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน หรือตำรวจในฐานะจำเลยสังคม
    เพราะใครฆ่า ใครทุบรถ กระสุนจริง กระสุนปลอม ตำรวจริง ตำรวจปลอม มันเป็น "เหตุประจักษ์" กลางแดดเปรี้ยง ยาวนานร่วม ๑๐ ชั่วโมงต่อเนื่อง.....
    โดยถูกถ่ายทอด "เหตุการณ์สด" ผ่านโลกออนไลน์ ข่าวโทรทัศน์ ดาวเทียมไปทั้งโลก
    แล้วจะต้องมาตะแบงเถียงกันให้เมื่อยตุ้มทำไม...จริงมั้ย?
    รอไว้ไปเถียงต่อหน้าผู้พิพากษาในศาลเถอะ คุณตำรวจ!
    ผมจะยกเรื่องที่รัฐมนตรีขี้ข้าทักษิณคนหนึ่งชอบพูดประจำมาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ คือเวลาอภิปรายนักการเมืองคนไหนประเด็นทุจริตคอร์รัปชันในสภาฯ เขาจะเปรียบนักการเมืองคนนั้นว่า...
     "เหมือนโจรสวมเสื้อแดง สั่นกระดิ่ง แล้ววิ่งราวกลางวันแสกๆ ถูกจับได้ แต่ปากแข็งปฏิเสธว่าไม่ได้ฉกทรัพย์"!
    เอาล่ะ...ผมเชื่อตามที่ตั้งโต๊ะแถลง ทั้ง ด.ต.ณรงค์และมวลมหาประชาชนวสุ ไม่ได้ตายเพราะตำรวจยิง
    แต่ขอถามกลับ...
    ในฐานะเหล่าท่านเป็นตำรวจ เป็นฝ่ายเดียวร่วมอยู่ในสถานการณ์นั้นขณะเกิดเหตุ และเป็นฝ่ายเดียวที่ขนสรรพาวุธมา "เป็นคลังแสง"
    แล้วใครล่ะ...ยิง ด.ต.ณรงค์ กับคุณวสุ?
    เมื่อวาน เป็นวันที่ ๒ มกรา ขึ้น ๒ ค่ำ แล้วยังแถมเป็นเดือน ๒ วันพฤหัสบดี พิเคราะห์แล้ว ทั้งวัน-ทั้งเดือน หมายถึงราษฎรเต็มขั้นทั้งหมด-ทั้งมวล และเทพแห่ง "ฟ้า-ดิน"
    "คุณธรรม" สถิต!
    ผมจึงทำวัตรเที่ยง ขอพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช ท้าวสักกะเทวราช ท่านท้าวมหาพรหม ท่านท้าวจตุโลกบาล ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ เจ้าพ่อพระกาฬไกรสีห์ ภูต ผี ปิศาจ อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ นาค ครุฑ มนุษย์ คนธรรม์ ตลอดทั้งเปตชาติทั้งหลาย รวมทั้งท่านท้าวหิรัญพนาสูร...ฯลฯ
    ขอจงสถิต ณ มวลมหาประชาชน จากร้าย กลายใจเป็นดี จากดี ขอจงดียิ่งขึ้น
    เป็นกำแพงแก้วป้องภัย เป็นพลังนำชัยสู่ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
    มวลมหาประชาชน ไม่แยกซ้าย ไม่แยกขวา ไม่ย้อมสี ทั้งหมด ทั้งมี และทั้งมวล คือมหาประชาชนคนไทย ไม่มีพี่น้องไทยคนไหนที่ "ไทยด้วยกัน" จะมอบรักและหวังดีให้ต่อกันไม่ได้
    เพราะเราทั้งหลาย ความจริง วันนี้-ขณะนี้ เราก็มวลมหาประชาชนไทยเดียวกันอยู่แล้ว แต่เอาเถอะ...ในขณะหนึ่งของจิตมนุษย์ ซึ่งล้วนมีกรรมเป็นม่านกำเนิดบังตา-บังใจ
    ไม่ว่าอยู่ในฝ่ายไหน "วันหน้า" ในอีกไม่ไกล ด้วยกายและวิญญาณไทยด้วยกัน เมื่อ "สติ-ตื่นรู้" ทำงาน จอกแหนในความเป็นมวลไทยในโอฆะ ที่กระจัด-กระจายก็จะค่อยๆ ผนึกคืนรวม
    ผมไม่ขอร้องให้ใครเลิกโกรธ-เลิกเกลียดใคร แต่ฝากไว้นิด โกรธเถอะ...เกลียดเถอะ
    ยิ่งทิดตู่-นางธิดา เขานัด นปช.ออกมาเปิด-ปิดถนนประชันมวลมหาประชาชนในรายการ "ชัตดาวน์บางกอก" ของกำนันสุเทพ จันทร์ที่ ๑๓ มกรา ด้วยแล้ว
    จะไปห้ามฝ่ายไหนว่าอย่าโกรธ-อย่าเกลียดฝ่ายไหนได้ล่ะ เพราะโกรธ-เกลียดเป็นเชื้ออย่างหนึ่งที่ทำให้เกิด
    แต่ในเกิดนั้น ถ้ายังปรารถนา "เกิดเป็นมนุษย์" ในชาติต่อๆ ไป ผมขอแนะให้นิด...โกรธเมื่อไหร่ เกลียดเมื่อไหร่ จงมี "สติ" กำกับในเกลียด-โกรธนั้น ในทุกขณะเกลียดและโกรธ
    ทำอย่างนี้ได้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเรา จะคืนกลับมารวมอยู่ในใจของพวกเรา "ไทยทุกคน" โดยไม่รู้ตัว
    "มวลพสกไทยคืนรวม" นี้คือเป้าหมายสูงสุดที่กำนันสุเทพ นำมวลมหาประชาชนถากถางเส้นทางสู่ขณะนี้มิใช่หรือ?
    เปิดศักราช มะเมีย ๒๕๕๗ ประเทศก็ร้อนเฉียดจุดหลอมละลาย ผมเงี้ย...ที่หนาวงอก่อ-งอขิง กลายเป็นขี้ร้อนเสื้อหลุดฉับพลัน
    อะไรๆ กับบ้านเมืองไทยวันนี้ จะเห็นว่า "แปลก-ใหม่" อันไม่เคยปรากฏมาก่อนกับไทยทั้งนั้น ท่านดูซี...
    - มวลมหาประชาชนเฉียด ๑๐ ล้าน ลุกขึ้น "ล้างประเทศ" ก็แปลก-ใหม่
    - กำนันสุเทพนำประชาชนปฏิวัติ ไม่ล้ม-ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็แปลก-ใหม่
    - มหาชนเฉียด ๑๐ ล้านออกมาไล่ นายกฯ หน้าด้านไม่ออก ก็แปลก-ใหม่
    - รัฐบาลประชาธิปไตยใช้กองโจรผสมตำรวจฆ่าประชาชน ก็แปลก-ใหม่
    - ทหาร "ทำอะไร" ข้างใน แต่ประชาชนก่นด่า "ทหารไม่ทำอะไร" ก็แปลก-ใหม่
    - รัฐบาลจะใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินบีบทหารออกปะทะประชาชน แต่ทหารแพรวพราวก็แปลก-ใหม่
    - มวลมหาประชนชนชุมนุม กลายเป็นจุด "ขายทัวร์" ให้เข้ามาเที่ยวชม ก็แปลก-ใหม่
    - Set index ตกใจ "ชัตดาวน์บางกอก" หุ้นรูดวันเดียวร่วมร้อยจุด ก็แปลก-ใหม่
    - ยิ่งลักษณ์หน้ามืด เปิดไฟเขียวให้ "กองกำลังเสื้อแดง" ออกชนมหาชนชัตดาวน์ ก็แปลก-ใหม่
    เห็นมั้ย...การลอกคราบ "สู่อนาคตใหม่" ของประเทศไทย ล้วนลอกด้วยมิติใหม่ๆ อันไม่เคยมีมาก่อนทั้งสิ้น
    บางเรื่องแกะกล่อง สู่ความเป็น "ต้นแบบ" ประชาธิปไตยใหม่ของโลก โดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน ชนิด ๑๐๐% ด้วยซ้ำ!
    กระทั่ง แอบในห้องน้ำตั้งแต่ตี ๓ ตี ๔ เพื่อมุมมิบสมัคร ส.ส.กันในค่าย ตชด.ก็ประชาธิปไตยแปลก-ใหม่เฉพาะตัวของระบอบทักษิณ
    และหมดเขตรับสมัครแล้วปรากฏว่า ถึงเลือกตั้งไป ก็ได้ ส.ส.ไม่พอเปิดสภาฯ เลือกนายกฯ
    ยิ่งแปลก-ใหม่ "ผู้นำหญิง" ต้องนั่งร้องไห้ใน กห.!?A

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น