วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

เพื่อนแม้วฮุบพลังงานอ่าวไทย

กลุ่มอาบูดาบี ซี้แม้วเขมือบแหล่งน้ำมันนงเยาว์ในอ่าวไทยกว่า 12.4 ล้านบาร์เรล “มูบาดาลาปิโตรเลียม” ประกาศว่าจ้างบริษัทสร้างแท่นผลิตแล้ว เตรียมขุดเจาะกลางปีหน้า เผยแอบอนุมัติเมื่อสิงหาคม 2556 แถมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังป้อนแหล่งมโนราห์ให้ก่อนหน้านั้น กลายเป็นผู้ได้รับสัมปทานรายใหญ่อันดับ 3 ในไทย ย้อนคำอภิปราย “สรรเสริญ” เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับทักษิณ เว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันและข่าวธุรกิจในภูมิภาคตะวันออกกลางหลายแห่ง อาทิ Energy-pedia, Rigzone และ MENAFN ได้รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการให้สัมปทานพัฒนาแหล่งน้ำมันนงเยาว์ในอ่าวไทยแก่บริษัทพลังงาน "มูบาดาลาปิโตรเลียม" จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่ร่วมหุ้นกับบริษัท คริสเอ็นเนอร์จี จากสิงคโปร์ ในสัดส่วน 75% และ 25% ตามลำดับ ซึ่งรัฐบาลไทยได้อนุมัติสัมปทานแหล่งนงเยาว์ แปลงจี 11-48 แก่บริษัททั้ง 2 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2556 สื่อต่างๆ ได้อ้างคำแถลงของมูบาดาลาปิโตรเลียมผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัท เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 ว่า บริษัทได้ตกลงมอบสัญญาหลัก การออกแบบ จัดซื้อ ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบการผลิต (อีพีซีไอซี) ในแหล่งนงเยาว์” แปลงจี 11/48 ให้กับบริษัท นิปปอนสตีล แอนด์ สุมิคิน เอ็นจิเนียริง (เอ็นเอสเอสอี) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2558 การก่อสร้างทั้งหมดจะรวมถึงการสร้างแท่นผลิตและแท่นหลุมผลิต ซึ่งจะมีการเชื่อมต่อแนวท่อไปยังเรือกักเก็บ ในระยะเริ่มต้นจะสามารถทำงานครอบคลุมได้ 23 บ่อ ฐานการขุดเจาะดังกล่าวมีความสามารถที่จะผลิตน้ำมันได้ประมาณ 15,000-30,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะเริ่มต้นขุดเจาะได้ตั้งแต่กลางปี 2558 เป็นต้นไป โดยแหล่งน้ำมันดังกล่าวตั้งอยู่กลางทะเลอ่าวไทยตอนใต้ ห่างฝั่ง 165 กิโลเมตร ทะเลลึก 75 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 6,791 ตารางกิโลเมตร ได้รับการสำรวจพบเมื่อปี 2552 คาดว่าจะมีน้ำมันประมาณ 12.4 ล้านบาร์เรล ใช้เวลาในการขุดเจาะประมาณ 7 ปี โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้รับสัมปทานแหล่งมโนราห์ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ข้อมูลของมูบาดาลาปิโตรเลียม ระบุว่า ขณะนี้บริษัทกำลังบริหารทรัพยากร และมีปฏิบัติการขยายไปในหลายประเทศทั่วโลก เน้นหนักไปที่โซนตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อปี 2555 ผลิตน้ำมันได้เฉลี่ย 378,000 บาร์เรลต่อวัน ในส่วนของไทยนั้น บริษัทเข้ามาลงทุนตั้งแต่ปี 2547 ผ่านบริษัทเพิร์ลออยล์ในเครือของตน ปัจจุบันเป็นผู้ได้รับสัมปทานรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประเทศไทย โดยได้รับสัมปทาน 8 ฉบับ รวมถึงแหล่งจัสมิน แปลงบี 5/27 ที่ประสบความสำเร็จดีมาก และขณะนี้ก็กำลังให้ความสนใจสัมปทานอีก 2 ฉบับที่ยังไม่มีการอนุมัติ เว็บไซต์ภาษาไทยของบริษัทระบุตัวเลขการลงทุนด้านปิโตรเลียมในไทยว่ามีมากกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 54,000 ล้านบาท) และบริษัทได้ชำระภาษีและค่าภาคหลวงแก่ไทยแล้วมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 27,000 ล้านบาท) จากการตรวจสอบพบว่า มูบาดาลาปิโตรเลียมเป็นบริษัทลูกของมูบาดาลา ดีเวลลอปเมนต์ บริษัทลงทุนของรัฐบาลอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีนายคัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค เป็นซีอีโอและกรรมการผู้จัดการบริษัท นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งประธานสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซีตี แห่งสหราชอาณาจักร ต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งคู่มีความสนิทสนมกัน นอกจากนี้แล้วเขายังนั่งเป็นกรรมการในบอร์ดหลายบริษัท อาทิ ธนาคารเฟิร์สกัลฟ์, อัลดาร์พร็อพเพอร์ตีส์ และเฟอร์รารี เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นสมาชิกสภาผู้บริหารรัฐอาบูดาบี และดำรงตำแหน่งประธานผู้บริหารฝ่ายผู้มีอำนาจ วันเดียวกันนี้ เว็บไชต์ผู้จัดการออนไลน์ได้รายงานข่าวดังกล่าว โดยได้นำคลิปวิดีโอการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของนายสรรเสริญ สมะลาภา อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 มานำเสนอด้วย โดยวันนั้นนายสรรเสริญระบุว่า จากการตรวจสอบข่าวสารในรอบหลายปีที่ผ่านมาพบว่า มีความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มตั้งแต่ นายโมฮัมหมัด อัลฟาเอ็ด เจ้าของห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความสนิมสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ก่อตั้งแฮร์รอดส์ เอ็นเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) เพื่อรับสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซ ร่วมกับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. เมื่อปี 2541 ต่อมาในปี 2547 บริษัท เพิร์ล เอ็นเนอร์ยี่ ซื้อกิจการแฮร์รอดส์ เอ็นเนอร์ยี่ และเปลี่ยนชื่อเป็นเพิร์ลออยล์ (ประเทศไทย) จากนั้นในปี 2551 บริษัทลงทุนของรัฐบาลอาบูดาบี ยูเออี ชื่อมูบาดาลา เข้ามาซื้อกิจการของบริษัท เพิร์ล เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งในปีเดียวกันนั้น พล.อ.เตีย บัณห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะลงทุนในธุรกิจพลังงาน และพบอีกว่า บริษัท เพิร์ลออยล์ (ประเทศไทย) ได้ย้ายสำนักงานจากไทยพาณิชย์ปาร์คพลาซ่า ไปอยู่อาคารชินวัตร 3 ในคลิปการอภิปราย ส.ส.กทม.ผู้นี้ได้บอกไว้ว่า บริษัทมูบาดาลามีผู้บริหารระดับสูงชื่อ ชีค โมฮัมหมัด บินซาเยด อัล นาร์ยาน และเป็นพี่ชายของ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัลนาห์ยาน ที่เข้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในราคาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ซื้อกิจการมาในราคาเพียง 5 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีต่อกลุ่มธุรกิจพลังงาน ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ กับนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ ขัดแย้งกับที่ คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค ซีอีโอของกลุ่มมูบาดาลาออกมายืนยันล่าสุดว่า บริษัทของตนได้รับไฟเขียวให้เข้าทำสัญญาพัฒนาแหล่งน้ำมันนงเยาว์ที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น