วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์ข่าวสด


หลากมุมมอง'สัญญาณพลิกขั้ว'
รายงานพิเศษ...ขยายปมโดยสม  มมร.
แม้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา แต่ความร้อนแรงของประเด็นการเมืองนอกจากไม่ลดดีกรี ยังมีแนวโน้มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ



คนในรัฐบาลกำลังมีเรื่องมีราวจากหลายคดี อาทิ คดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร, คดีที่ดินอัลไพน์ที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย สมัยเป็นรักษาการปลัด กระทรวงมหาดไทย



ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญก็สอยนายจตุพร พรหมพันธุ์ พ้นส.ส. ล่าสุดกกต.เพิ่งชักใบแดงนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย ไม่นับรวมกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งชะลอโหวตร่างรัฐธรรมนูญ และเรื่องฝ่ายค้านตามจิกสนามบินอู่ตะเภา ผสมโรงข่าวปล่อยทาบพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล



การเมืองส่อเข้าสู่จุดอันตรายจนเริ่มมีเสียงพูดถึง 'รัฐบาลเทพประทาน 2' อีกรอบ



นักวิชาการและผู้ติดตามสถานการณ์การเมืองแสดงความเห็นต่อสัญญาณพลิกขั้วไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้



สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล

ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา



ประเด็นการเมืองที่เกิดขึ้นต่างๆ นานาช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงปิดประชุมสภา อีกทั้งมีบอลยูโรเข้ามาอีก ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือใครก็ต้องหาประเด็นข่าวขึ้นมาเล่น



โดยเฉพาะประเด็นที่ถ้าจุดขึ้นมาแล้ว ต้องเป็นข่าวกระตุกอารมณ์คนได้มากพอสมควร หยิบยกขึ้นมาเพื่อให้เป็นประเด็น ที่พูดติดปาก พูดกันทั้งบ้านทั้งเมือง



ถือเป็นการแข่งกันในทางข่าว ดังนั้นประเด็นอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้ก็มักจะเกิดขึ้นมาได้ทั้งนั้น ขอให้จุดติด คนพูดถึงเยอะๆ ก็พอ



กระแสข่าวรัฐบาลเทพประทาน 2 เป็นไปไม่ได้ ไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ อีกทั้งประเด็นการเมืองแต่ละเรื่องไม่ได้เกี่ยวโยงไปให้เป็นประเด็นใหญ่



ดังนั้นไม่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้



อย่างไรก็ตาม กรณีมีโหรทำนายว่าช่วงปลายเดือนส.ค. จะมีอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น ผมเห็นว่าเวลาโหรพูดทีไรก็เป็นโหนทุกที



สำหรับท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ เราทำงานกันอย่างเต็มกำลัง พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลกระทรวงที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ ขณะนี้ต้องมุ่งไปที่เรื่องบริหารจัดการน้ำ



นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ ปรึกษาหัวหน้าพรรค ติดตามงานของกรมชล ประทานอย่างสม่ำเสมอ





สมชาย ปรีชาศิลปกุล

นิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่



ตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการพลิกขั้ว ต่อให้พรรคประ ชาธิปัตย์ไปรวมกับพรรคร่วมรัฐบาลตั้งรัฐบาลเทพประทาน 2 เหมือนเมื่อครั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเมื่อปี 2551 ก็ยากที่จะเกิด



เพราะคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย เมื่อเทียบกับพรรคพลังประชาชนในขณะนั้นแตกต่างกัน



พรรคพลังประชาชนมีคะแนนเสียงในสภาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่พรรคเพื่อไทยขณะนี้มีจำนวนส.ส.ในมือเกินครึ่ง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีก



นอกเสียจากเกิดการแตกแยกกันเองภายในพรรคเพื่อไทย



อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเผชิญกับปัญหาภายนอกและการต่อต้านมหาศาลอย่างต่อเนื่อง ยังสามารถเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาได้



ส่วนการต่อต้านจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเหมือนสมัยรัฐบาลทักษิณหรือไม่นั้น อาจเกิดได้ในหลายรูปแบบ ทั้งการยุบสภาซึ่งกรณีนี้คงเกิดยาก และการปรับครม. เพื่อให้กุมอำนาจในพรรคมากขึ้น



ฉะนั้นถ้าจะเกิด คงเป็นการเปลี่ยนแปลงในซีกเดียวกันมากกว่า



เรื่องอำนาจพิเศษ เช่น กระบวนการตุลาการภิวัฒน์ ถ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองก็อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วได้ แต่หากใช้อำนาจถึงขนาดนั้นวุ่นวายแน่นอน



เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นไปตามกลไกของระบบ ครั้งนี้คงไม่ราบรื่นเหมือนสมัยยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อ 5 ปีที่เเล้ว



ส่วนรัฐประหารตอบไม่ได้ว่าจะมีอีกหรือไม่ แต่ถ้าทหารออกมาจะเผชิญกับความยุ่งยาก ทั้งจากภายในประเทศที่มีคนคัดค้าน และจากภายนอกประเทศที่ต้องเจอแรงกดดัน



เหมือนอย่างพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ถูกแต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร เคยเผชิญทั้งการบอยคอตและไม่ร่วมมือกับรัฐบาลของนานาประเทศ



ตอนนี้จึงไม่เห็นช่องทางของรัฐบาลเทพประทาน 2 หรือถ้าจะเกิดคงไม่ง่าย และราบรื่น ต้องเจอกระแสต่อต้านแน่นอน





ทวี สุรฤทธิกุล

รัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช



สถานการณ์ขณะนี้ยากที่จะพลิกขั้ว แม้ผมจะเชื่อว่านักการเมืองไทยพร้อมเปลี่ยนขั้วทางการเมืองได้ตลอดเวลา ลำพังเสียงพรรคฝ่ายค้านไม่พอจัดตั้งรัฐบาลแน่



นอกจากภายในพรรคเพื่อไทยจะแตก แยกกันเอง



แต่หากยังผนึกกำลังกันเหนียวแน่นก็เป็นเรื่องยากที่จะมีงูเห่าภายในพรรคเพื่อไทย จนทำให้เกิดความสั่นคลอนและพลิกขั้วมีรัฐบาลใหม่



อีกทั้งตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมีรัฐบาลใหม่ที่ได้มาจากลักษณะเดิมอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ซึ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล



เพราะรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ยังคงทำงานอยู่



แม้ตลอดเส้นทางการทำงานจะมีหลายประเด็นที่ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย ไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง คดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และล่าสุดยังมีเรื่องสนามบินอู่ตะเภา



แต่ประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดคงไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือเกิดการปฏิวัติรัฐประหารโดยใช้กำลังทหารขึ้นได้



สิ่งน่ากลัวคือการรัฐประหารเงียบที่มาจากอำนาจพิเศษ อาจเป็นในลักษณะของการตกลงกัน โดยมีคนกลางมาจับขั้วให้จนกลายเป็นรัฐบาลแห่งชาติ



ทราบว่าขณะนี้เริ่มก่อตัวผนึกกำลัง แต่หากเป็นเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยและมวลชนคนเสื้อแดงคงไม่ยอม



อยากให้จับตาสถานการณ์ช่วงเปิดสมัยประชุมสภาเดือนส.ค. ที่อาจสอดคล้องกับช่วงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ



อำนาจพิเศษคงหาหลายหนทางมา บล็อก ไม่ให้รัฐบาลที่มีพ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังมีความเข้มแข็ง



นิคม ไวยรัชพานิช

รองประธานวุฒิสภา



เห็นอยู่ว่าคนซีกรัฐบาลโดนจัดหนักช่วงนี้ โดยเฉพาะหลายๆ คดีประดังเข้ามาพร้อมกัน แต่ผมพยายามมองในแง่ดีไว้ก่อนว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาพอดีกันมากกว่า



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่สัญญาณอันตรายต่อรัฐบาล เพียงแต่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับคดีต้องออกมาชี้แจงถึงเหตุผล ให้สังคมหายกังขาและสบายใจขึ้น



แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือความพยายามปล่อยข่าวปั่นหัวว่า บ้านเมืองจะถึงจุดเดดล็อกจนต้องหาคนที่เป็นกลางเข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง ทั้งที่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดต้องพลิกขั้วหรือตั้งรัฐบาลแห่งชาติ



กุศโลบายอันแยบยลของฝ่ายตรงข้ามคือ ต้องการให้เกิดความไม่เชื่อใจกันมากกว่า ก็ว่าไปตามเกมการเมืองอยู่แล้ว



แต่อยากให้มองลึกๆ ว่าการตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้ ต้องเกิดจากความเห็นพ้องของสังคมทุกฝ่ายก่อน และการปฏิบัตินั้นต้องเป็นไปตามทำนองคลองธรรมของประชาธิปไตย



ไม่ใช่นำประชาธิปไตยมาใช้เป็นเครื่องมือ ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ประธิปไตยเลย



การขึ้นมาบริหารประเทศโดยเหยียบย่ำอำนาจประชาชน จะไม่สามารถอยู่ได้นาน ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะอีกไม่นานประเทศจะเกิดการชิงอำนาจอีกแน่



การเสี้ยมจึงไม่ใช่คำตอบที่จะนำมาอ้างเป็นเงื่อนไขจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คนสู้กันแทบตายทั้งในและนอกสภา จู่ๆ จะมาจูบกันได้อย่างไร



ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญบอกว่าส่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองยิ่งเป็นไปไม่ได้ ส.ส. ทั้งหลายก็ร่วมกันโหวตและเคารพเสียงตั้งแต่วาระหนึ่งจนวาระสอง พร้อมกับขออภิปรายแก้ไขเนื้อหาที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญแล้ว



ดังนั้นอย่าคิดทำอะไรที่ฝืนความรู้สึกประชาชนเลย



ส่วนการบริหารประเทศที่วิจารณ์ว่ากำลังถึงทางตันนั้น คงไม่ใช่ ยังมีทางออก สถานการณ์ใช่ว่าจะสุกงอม แต่ถ้าจะให้ดี ประเด็นอ่อนไหวโดยเฉพาะกฎหมายปรองดอง หยุดไว้เลยดีกว่า
ตัวเร่งเพื่อศึกแตกหัก

ขยายปมโดยสม   มมร.
26 มิ.ย 2555

  เห็นอาการฮึกเหิม ผยอง โอหังของแกนนำชนเผ่าเสื้อแดงหนุนโดยอำนาจการเมืองของพรรคเพื่อเหลี่ยมร้าย อิทธิพลเถื่อนในการชุมนุมรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยวันอาทิตย์ คำรามคุกคามข่มขู่ศาล ประธานองคมนตรี ด้วยถ้อยคำจ้วงจาบหยาบช้าสามานย์ มีคำถามว่าแผ่นดินนี้ยังเป็นรัฐไทยหรือไม่
     
        พวกขึ้นเวทีล้วนเป็นขี้คุก เดนตะราง มีคดีติดตัวในข้อหาก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง ปลุกระดมมวลชนให้ฆ่าทหาร ปล้นสะดมห้างสรรพสินค้า ก่อการจลาจล ไม่ได้เป็นคนดีศรีสังคมน่ายกย่องว่าเป็นบุคคลตัวอย่างมีคุณธรรม
     
        เห็นตำตา ได้ยินเต็ม 2 หูกับพฤติกรรมเถื่อนถ่อย ชาวบ้านอยากถามว่าผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายบ้านเมือง เช่น ตำรวจ อัยการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ผู้นำกองทัพ ข้าราชการชั้นปกครอง ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรบ้างหรือกับสภาพของบ้านเมืองเสมือนไร้ขื่อแป ไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นนี้
     
        ศาล ตุลาการ ถูกข่มขู่โดยกลุ่มขี้คุก เดนตะราง ผู้ต้องหาคดีอาญาร้ายแรง แต่รัฐบาลไล่มาตั้งแต่ผู้นำยังทำตัวเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ หนูไม่รู้!
     
        การเรียกร้องหาประชาธิปไตยตามแบบแกนนำชนเผ่าเสื้อแดง ประกาศว่าจะหักดิบ ผลักดันให้สำเร็จในเดือนสิงหาคม นั่นไม่ใช่การดิ้นรนตามรูปแบบประชาธิปไตย แต่เป็นวิถีอนาธิปไตย โดยมีธนาธิปไตยเป็นแรงขับดัน
     
        ทำทุกอย่างโดยพฤติกรรมเพื่อผลประโยชน์ของนายเงิน นายทาส นั่นคือเหลี่ยมร้าย อาชญากรหนีคุก ซึ่งรัฐบาลไม่ใส่ใจทำหน้าที่รักษากฎหมาย
     
        คำประกาศว่าจะระดมพล 1 ล้านคนมาหักดิบ ล้มรัฐธรรมนูญ ถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และยุบองค์กรอิสระ เท่ากับเป็นการกระทำเยี่ยงกลุ่มนอกกฎหมาย มีปัญหากับศาล ไม่ต่างจากองค์กรมาเฟีย พ่อค้ายาเสพติด
     
        นึกหรือว่าคนไทยที่เหลืออยู่จะยอมให้พวกเอ็งทำแบบนั้นได้ง่ายๆ?
     
        เหลี่ยมร้ายแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องหักดิบกรณีล้มรัฐธรรมนูญ และผลักดันร่างกฎหมายปรองดองให้ผ่านสภาจนสำเร็จ ไม่คำนึงว่าจะเกิดการสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อ ทรัพย์สิน และความยับเยินของสภาพรัฐไทย เพราะตัวเองเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ถึงเวลาคับขันก็สั่งสมาชิกครอบครัวเผ่นหนีก่อน
     
        ความอหังการของแกนนำชนเผ่าเสื้อแดงเป็นตัวเร่งให้ฝ่ายตรงข้ามต้องระดมทรัพยากร และสรรพกำลังเตรียมตั้งรับ! ฝ่ายหนึ่งจ้องทำลายชาติ ขายชาติ ย่อมมีกลุ่มผู้รักชาติจัดตั้งกำลังต่อต้าน เพื่อปกป้องรักษาชาติ
     
        ดังเช่นกรณีคำขอกึ่งบีบของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งต้องการให้องค์การด้านอวกาศนาซ่า และกองทัพสหรัฐฯ เข้ามาใช้ฐานทัพอู่ตะเภาเพื่อจัดทำโครงการดูแลด้านภัยพิบัติธรรมชาติ! มีข้อมูลต่างๆ บุคคลถกเถียงถึงผลได้ผลเสียจากโครงการนี้กว้างขวาง ทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน เมื่อมีประเด็นน่าสงสัยมากมาย
     
        แน่นอน! ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เมื่อทั้งจีนและสหรัฐฯ ส่งบุคคลสำคัญมากล่อมรัฐบาลไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 10 ปีนี้ นั่นเท่ากับตอกย้ำว่าโครงการของสหรัฐฯ มีเงื่อนงำ ไม่น่าไว้ใจ น่าจะมีภารกิจลับอื่นๆ แฝงเร้น
     
        โดยพฤติกรรมของสหรัฐฯ นั้น ต้องเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าไม่ได้ดังใจก็จะดำเนินแผนกดดันสารพัด! สิ่งที่สหรัฐฯ เคยทำ เป็นหลักฐานให้ชาวโลกได้เห็นคือการยกทัพไปถล่มอิรักจนราบคาบ บ้านเมืองเสียหายยับเยิน
     
        คนตายเป็นเบือ เป็นสงครามกลางเมืองยืดเยื้อยังไม่เห็นวันจบสิ้น! รวมถึงการบุกอัฟกานิสถาน ซึ่งอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด! ไม่นับถึงสงครามเวียดนามและภารกิจอื่นๆ ทั่วโลกโดยใช้อำนาจบาทใหญ่ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ตั้งตัวเป็นศาสดาผู้นำโลก ช่วงนี้ร่ำๆ จะหาเรื่องรบกับอิหร่าน
     
        เมื่อสหรัฐฯ ประกาศชัดเจนว่าต้องการควบคุมการขยายตัวด้านอิทธิพลของจีน ใช้นโยบายปิดล้อม เพิ่มศักยภาพกองทัพเรือในย่านเอเชีย-แปซิฟิก แล้วอย่างนี้จะให้คนไทยไว้ใจสหรัฐฯ ซึ่งหิวกระหายทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างไร และเมืองไทยยังอุดมสมบูรณ์ด้านเกษตร อาหาร ทรัพยากรปิโตรเลียม
     
        ถ้าตัดสินใจยาก ว่าผลการใช้ฐานทัพอู่ตะเภาจะดีหรือร้ายต่อไทย มีวิธีประเมินอย่างง่ายๆ! เรื่องอะไรก็ตาม ถ้าขบวนการเหลี่ยมร้ายพยายามอ้างว่าเป็นประโยชน์ เห็นดีเห็นงาม เราฟันธงได้เลยว่า นั่นต้องเป็นสิ่งไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองแน่ เพราะขบวนการเหลี่ยมไม่เคยคิดดีต่อบ้านเมือง มีแต่ขายชาติ!!
     
        จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเหลี่ยมร้ายและผลประโยชน์ของเครือข่ายเท่านั้น!
     
        ได้ยินคำพูดหมิ่นแคลนจากคนในกองทัพและเครือข่ายเหลี่ยมร้ายว่าคนคัดค้านโครงการของสหรัฐฯ เป็นพวกไม่รักชาติ ก็ได้แต่นึกสมเพชเวทนา! พวกนี้นอกจากมืดบอดด้านสติปัญญา ยังปล่อยให้ความโลภ ผลประโยชน์จากเงินของขบวนการเหลี่ยมร้ายครอบงำจนไม่เหลือจิตสำนึกด้านดี การรู้คุณแผ่นดิน
     
        ถ้าเก่งจริง รักชาติจริง ทำไมอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ซื้อมาใช้ในกองทัพจึงอยู่ในระดับบุโรทั่ง สับปะรังเค เหมาะสำหรับขายให้เซียงกง! อ่านสเปกไม่ออก หรือซื้อเพื่อหวังคอมมิชชัน เกษียณแล้วรวยตามธรรมเนียมปฏิบัติ??
     
        ประเด็นเหล่านี้คือตัวเร่งของสงครามกลางเมือง ซึ่งอ
เมริกันชอบ

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์บางกอกโพสต์

เมื่อทุกอย่าง 'ประจักษ์แจ้ง' แดงชัด

ขยายปมโดยสม  มมร.

เอากันให้สบายไปเลยนะ...รัฐบาลก็ของเรา ตำรวจก็ของเรา ทหารก็ของเรา อัยการก็ของเรา วิทยุ-โทรทัศน์-หนังสือพิมพ์ก็ของเรา เหลือแต่ศาลเท่านั้นไม่ยอมเป็นของเรา อย่างนี้ก็ต้องถอนนนน...ว่าแล้ว คณะพรรคเพื่อไทยเมื่อไม่ชนะในรัฐสภา ก็มาในปาง "คนเสื้อแดง" หวังชนะด้วยกองกำลังนอกสภาฯ ชุมนุมปลุกปั่นผู้คนให้เกลียดชังศาล-องค์กรอิสระ หมดความเคารพเกรงกลัว ชี้หน้ากันดื้อๆ ไปเลยว่า...เป็นขบวนการร่วมหวังล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์!
   
เห็นแล้วผมก็ทุเรศ อเนจอนาถตัวเอง เกิดเป็นคนไทย ถึงไม่เนรคุณแผ่นดินไทยก็เหมือนเนรคุณ เพราะเห็นบ้านเมืองถูกย่ำยีทั้งจากคนไทยด้วยกัน และทั้งจากคนนอกชาติที่ทยอยย่องกันเข้ามาหวังยึดครองด้วยรูปแบบต่างๆ แต่ผมก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
   
ช่วยไม่ได้ด้วยเหตุผลเดียวคือ "ผมเห็นแก่ประโยชน์ตัวผมเองมากกว่าจะเห็นแก่ประโยชน์ชาติ"!
   
มันก็เท่านั้น....!
   
ความจริง "ในทุกเรื่อง" คำตอบไม่ยาวหรอก แต่ด้วยลีลาแห่งมารยาสาไถยของชนชั้นผู้มากด้วยปัญญาในวิชาความรู้ขั้นปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลาย ย่อมวิลาส-วิไลทำเรื่องสั้นให้ยาวด้วยสร้อย แต่กับเรื่องยาว สามารถทำให้สั้นเหลือ ๔ คำ    ผม-ไม่-อยาก-ยุ่ง!?
   
เมื่อพลูโต ดาวเปลี่ยนโครงสร้างโลก ซึ่งปกครองอยู่ในขุมนรกอันร้อนรุ่มด้วยเปลวเพลิง และรักความยุติธรรมในการตัดสินเริ่มทำงานเต็มตัว สถานการณ์ที่มันจะเป็นต่อไป มันก็ต้อง
Let It Be
   
คืออะไรมันจะเกิด ก็ต้องให้มันเกิด สถาบันตุลาการ พูดกันชัดๆ "องค์กรผู้ใช้กฎหมาย" นั่นคือ ๑ ในตัวแทนพลูโต และบัดนี้...เมื่อเทพแห่งศุภเคราะห์ขี้ขลาดส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งนิ่งดูดาย ดูจังหวะ ฝ่ายไหนชนะก็เข้าด้วยช่วยกระพือ และอีกส่วนหนึ่ง "ซื้ออนาคตใหม่" ตัดสินใจเลือกนับญาติกับโจรแล้ว

   
อนาคตบ้านเมืองบนเส้นทางสายเปลี่ยนนี้ ก็มาถึง "ชุมทางแห่งดุลยธรรม" แล้ว จะแยกไปทางไหน ก็เหมือนดั่งหลวงจีนรูปหนึ่งที่ท่านระบายลมหายใจจนหนวดเคราขาวโพลนพลิ้ว พลางรำพึงยามแผ่นดินคับขันว่า
    "
ถ้าอาตมาไม่ลงนรก แล้วใครล่ะ จะลงนรก"?
   
ฉันใด ยามนี้ ก็ฉันนั้น แหละครับ ถ้าตุลาการแห่งศาลสถิตยุติธรรมทั้งหลาย "ไม่คัดท้ายประเทศ" ด้วยดุลยธรรม แล้วใครที่ไหนในยามนี้ล่ะ

   
ที่จะทำหน้าที่ "คัดท้าย"!
?
   
เอาเลย นางธิดาและคณะรัฐบาลเพื่อไทย ที่ส่งตัวแทนไปทำหน้าที่ในปางแกนนำ นปช.ทั้งหลาย ล่ามา...รายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญน่ะ จะเอามากี่ล้านก็เอามา ในโลกนี้ก็เพิ่งเห็น-เพิ่งมีที่ประเทศไทยนี่แหละ ผู้ต้องหาใช้อำนาจนอกระบบฟ้องตุลาการผู้สั่งคดีบ้าง ไปล่ารายชื่อมาถอดถอนบ้าง

   
แล้วอ้าง ๘๐ ปี ประเทศไทยไม่เคยมีประชาธิปไตย ก็ที่พวกคุณท่านทั้งหลายทำอยู่นี่ มันไม่ใช่เพราะประเทศไทยร่ำรวยประชาธิปไตยจนล้นเหลือดอกหรือ
   
เสียงข่มขู่-คุกคามทำให้ผู้คน "หดหัว" กันไปหมดทั้งประเทศ ไม่มีใครกล้าออกมาใช้สิทธิ์ประชาธิปไตยแข่งกับคณะ ฯพณฯ โจรทั้งหลาย ขนาดนี้แล้วยังจะว่าบ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตยอีกหรือ
?
   
กลับไปถามไอ้พวกอังดรัวต์ อังด่วยในพรรคดูซิว่า ที่ฝรั่งเศส-อังกฤษ-สหรัฐ เขาบริโภคประชาธิปไตยด้วยการใช้สิทธิเสรีภาพถ่อยเถื่อนอย่างที่ทำกันอยู่ในประเทศไทยเวอร์ชั่น "ทักษิณแผ่นดินแดง" อย่างนี้มั้ย
?
   
โหนเพื่อยกมาเป็นปัญหาปลุกปั่น-บั่นทอนเสถียรภาพบ้านเมืองมันไปได้ทุกเรื่อง ตอนแรกก็โหนประชาธิปไตยทักษิณ "รวยแล้วไม่โกง" ต่อมาก็โหนศพประชาธิปไตยลุงนวมทอง ต่อมาก็โหนลัทธิแดงท่านประธานเหมา คิดการใหญ่เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบันให้เป็น "แดงทั้งแผ่นดิน"

   
แล้วก็โหนเรื่องไพร่-เรื่องอำมาตย์ เรื่อง ๒ มาตรฐาน เรื่องต้านรัฐประหาร พอตัวเองเขยิบชั้นเป็นอำมาตย์ไพร่ ได้ครองอำนาจ-ครองเมืองระดับหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่คดีความต่างๆ อันอยู่ในกระบวนการพิจารณาศาลยุติธรรมบ้าง ศาลรัฐธรรมนูญบ้าง ป.ป.ช.บ้าง มีผลทางคดีออกมา เมื่อไม่เป็นที่พอใจ ก็เปลี่ยนแนวโหนใหม่ไปเป็น
    "
มีขบวนการอำมาตย์หวังโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์"!
   
พอถึงวัน ๑๔ ตุลา ๖ ตุลา วันรัฐธรรมนูญ ก็ไปโหนมาปลุกระดม เมื่อวาน ๒๔ มิถุนา วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ก็ไปโหนคณะราษฎรให้เขาเสื่อม
   
เพราะคนรุ่นใหม่ ยิ่งกับระดับรากหญ้า ได้ศึกษาถึงเนื้อหาจริงจังซักเท่าไหร่ พอไอ้พวกไพร่ไปโหนเขาแบบนี้ พลอยให้คนรุ่นใหม่ที่ไร้ราก หลงเข้าใจในเนื้อหาและเจตนารมณ์ของคณะราษฎรผิดไปหมด

   
วิธีการ-รูปแบบ-เจตนารมณ์ที่ "คณะราษฎร" ทำ ไม่ต่ำทรามเหมือนที่ "คณะกเฬวราก" ทำหรอกครับ!
   
เหมือนกับที่จีน เขาก็ไม่พอใจที่ไปดึงเอาแดง-คอมมิวนิสต์ "ลัทธิเหมา" มาเป็นสัญลักษณ์โจรปล้นบ้าน-เผาเมือง ซึ่งทำให้คนดิบทางประวัติศาสตร์การต่อสู้หลงเข้าใจผิดๆ ว่า ในการเปลี่ยนแปลงประเทศจีน "แดง-ลัทธิเหมา" ก็ถ่อยเถื่อน ไร้อุดมการณ์ มีแต่อุดมโกงแล้วเอามาแบ่งปัน อย่างที่สรรเสริญกันอยู่
     
ยิ่งไปเอานามนิสิต-นักศึกษา มาร่วมทำบ้าๆ บอๆ เป็นคณะราษฎร สวมรอยเป็นชุดที่สอง-ที่สามอะไรนั่น มันยิ่งเป็นยี่เกหลังตลาดมากขึ้น แต่กลับทำให้ผมภูมิใจในความโง่เขลาของตัวผมเองมากขึ้น ที่ผมโง่บริสุทธิ์...โดยโชคดีที่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยชื่อโก้ของสยามประเทศ!
    "
ท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" และคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง ๙ ท่านครับ...ผมฝากกราบมายังแทบเท้าท่านด้วยความเคารพในการทำหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองด้วยดุลยธรรมอันปราศจากความกลัว และความกดดันใดๆ
   
ในยามนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. กกต.เป็นต้น ทำหน้าที่ปราศจากเสียซึ่งความกลัว-ความกดดัน จากภัยกองกำลังนอกระบบรัฐ ยึดดุลยธรรมเป็นที่ตั้ง อุปมาดั่งเปาบุ้นจิ้น ถ้าเป็นดั่งนั้นแล้ว

   
เครื่องตัดหัวทั้ง ๓ ที่วางเรียงอยู่ในศาลไคฟง หัวราชสีห์ สำหรับตัดหัวคนทำผิดผู้สูงศักดิ์ หัวสิงโต สำหรับตัดหัวขุนนาง-อำมาตย์ ผู้กังฉินกินเมือง และหัวสุนัข สำหรับตัดหัวไพร่สถุล ผู้เห็นแต่อามิสสินจ้าง ไม่รู้จักแยกแยะ ผิด-ถูก-ชั่ว-ดี ประพฤติตนเยี่ยงอัปรีย์กินเมือง
   
ก็คงได้บั่นหัว "บูชาดุลยธรรม" พิทักษ์แผ่นดิน!
    "
เดือนหน้า นปช.จะเปิดโรงเรียนแดงทั้งแผ่นดินทั่วประเทศ ก็น่าจะเป็นโอกาสที่จะได้รายชื่อเพิ่มขึ้น แต่เราก็เป็นห่วงว่าจะเอาไม่อยู่ เอาไม่อยู่ในที่นี้คือเอาสถานการณ์ไม่อยู่ คนอื่นอาจจะมองว่าเอาอยู่ แต่อาจารย์ธิดาห่วงสถานการณ์ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเกิดตัดสินยุบพรรคเพื่อไทย หรือเกิดตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคขึ้นมา สถานการณ์อาจจะน่าเป็นห่วง"

   
ครับ...นางธิดา ถาวรเศรษฐ หัวหน้า นปช.เขาประกาศเชิงข่มขู่ผ่านพวกที่มาชุมนุมเมื่อวานอย่างนี้ ท่านก็นำคำพูดไปพิจารณาก็แล้วกันว่า สิ่งที่พวกนี้เขาทำกับบ้านเมืองตลอดมา เพื่อประชาธิปไตย หรือเพื่อตัวเอง

   
หรือว่า แค่เป็นข้ออ้างเพื่อปลุกปั่นระดมคน "ล้างระบอบ-ล้มสถาบัน" สถาปนา "ทักษิณ-แผ่นดินแดง"
?
   
คุยเท่านี้ละครับ พอดีเห็นคุณ Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya อีเมล์ข้อความนี้มาให้ผมอ่าน ก็ขอนำมาตบท้ายไปเลย ดังนี้

   
หนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลที่สุดของสหรัฐอย่างวอชิงตันโพสต์ ออกมาแฉว่า การขอใช้ประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์บรรเทาภัยพิบัติโดยสหรัฐนั้น เป็นเพียงข้ออ้าง แท้จริงแล้วมีเป้าเหมาย "ทางทหารเพื่อสกัดกั้นจีน" นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อ่านกันบ้างหรือยังครับ?

บทวิเคราะห์ไทยโพสต์

ปูพรมถล่มองค์กรอิสระ 'เพื่อไทย'หวังกินสองเด้ง
  • 25 มิถุนายน 2555
  • ขยายปมโดย สม  มมร.
แม้การเมืองจะเข้าสู่โหมดพักครึ่งเวลาก็ตาม เพราะอยู่ในระหว่างการปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นเวลาประมาณ 40 วัน ก่อนเปิดอีกครั้งในเดือน ส.ค. เพื่อเข้าสู่สมัยประชุมสามัญทั่วไปแบบเข้มข้น แต่การเมืองใช่ว่าจะสงบปราศจากความเคลื่อนไหวเสียทีเดียว
โดยพรรคเพื่อไทยในเวลานี้เริ่มกระบวนการเตะขัดขาบ่อนเซาะความชอบธรรมขององค์กรอิสระอยู่เป็นระยะแบบเป็นรายองค์กร ล้วนเป็นการดำเนินการที่มีวัตถุประสงค์เคลือบแฝง
เริ่มตั้งแต่ ศาลรัฐธรรมนูญ ปมความไม่พอใจอยู่ที่รับคำร้องเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่าเข้าข่ายเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือไม่ ส่งผลให้การลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายต้องชะงักลงกลางคันถึงขั้นรวบรวมชื่อประชาชนเสื้อแดงยื่นต่อวุฒิสภาเพื่อถอดถอนศาลรัฐธรรมนูญฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่ตอนนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อ
เช่นเดียวกับเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งวินิจฉัยให้ จตุพร พรหมพันธุ์พ้นจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ ฐานไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทำให้ขาดคุณสมบัติไปโดยปริยาย สร้างอาการหัวเสียให้กับแกนนำเสื้อแดงรายนี้พอสมควร รวมไปถึงกรณีล่าสุดอย่างการออกมาตั้งปมถล่มศาลรัฐธรรมนูญถึงอำนาจส่งเรื่องให้ศาลยุติธรรมเพิกถอนการประกันตัวของจตุพร

ถัดมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นองค์กรหนึ่งที่อยู่ในบัญชีแค้นของพรรคเพื่อไทยมาตลอด อย่างล่าสุดเพิ่งมีความเห็นส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีกับ ยงยุทธ วิชัยดิษฐรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในคดีที่ดินอัลไพน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
ขณะที่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ถือเป็นคู่ขัดแย้งใหม่ของพรรคเพื่อไทย จากเดิมก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นเป้าทางการเมืองมากนัก สาเหตุของการชวนทะเลาะมาจากการให้ความเห็นในจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ค่อยเป็นคุณกับพรรคเพื่อไทยเท่าไหร่นัก เช่น การมีความเห็นว่าการแต่งตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไม่มีความเหมาะสม และศาลเคยมีคำสั่งการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
คิวต่อมาเป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สาเหตุมาจากการวินิจฉัยส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง แจกใบแดง การุณ โหสกุลสส.เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย ข้อหาใส่ร้ายป้ายสีแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ โดยเพื่อไทยร้องว่า กกต.น่าจะเอาผิดกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มักจะพูดใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยได้เช่นกัน
ไม่เว้นแม้แต่ อัยการสูงสุด ซึ่งครั้งหนึ่งพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงออกตัวชมว่าเป็นองค์กรที่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนภายหลังมีความเห็นไม่ส่งคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68
แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรทันทีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากกรณีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐ
การเปิดแนวรบองค์กรอิสระครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเป้าหมายผลประโยชน์ทางการเมืองชัดเจนทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ระยะสั้น หนีไม่พ้นการสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองในฐานะเป็นผู้ถูกกล่าวหาในหลายคดี เห็นได้ชัดคือ คดีล้มล้างการปกครองในศาลรัฐธรรมนูญ ผลของคดีนี้จะสามารถนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยในอนาคตได้ ถ้าศาลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
กลายเป็นปัจจัยให้พรรคเพื่อไทยต้องพยายามหาประเด็นมาหว่านล้อมให้สังคมเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญมีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับเพื่อไทย พร้อมกับเป็นน้ำเลี้ยงกระแสให้มวลชนคนเสื้อแดงเตรียมพร้อมออกมาเคลื่อนไหวป้องกันกดดันศาลไม่ให้ยุบพรรคด้วย
ระยะยาว วัตถุประสงค์อยู่ที่การชี้ชวนให้สังคมคล้อยตามและเชื่อว่าองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2550 มีปัญหาในการวินิจฉัยอรรถคดี ภายใต้ทฤษฎีต้นไม้พิษ กล่าวคือ เมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นผลผลิตจากรัฐประหารย่อมทำให้องค์กรอิสระย่อมเป็นเนื้อร้ายเช่นกัน
ขบวนการเหล่านี้จะกลายเป็นข้ออ้างให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต (หากผ่านศาล) สามารถเข้าไปรื้อองค์กรอิสระได้ เป็นธงที่พรรคเพื่อไทยได้ตั้งเอาไว้แล้ว
ความพยายามเข้าไปรื้อองค์กรอิสระมาจากรัฐธรรมนูญปัจจุบันบัญญัติให้การสรรหาเป็นหน้าที่หลักของประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง ประธานรัฐสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตัดตอนวุฒิสภามีอำนาจเพียงจะเห็นชอบกับรายชื่อจากคณะกรรมการสรรหาหรือไม่เท่านั้น ไม่มีสิทธิเลือก ต่างจากรัฐธรรมนูญ 2540
ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีเลือก ป.ป.ช. 9 คน ถ้าภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 คณะกรรมการจะเสนอชื่อเพียง 5 คน ให้วุฒิสภามีความเห็น แต่หากเป็นรัฐธรรมนูญ 2540 จะให้คณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อจำนวน 2 เท่า ให้วุฒิสภามีสิทธิเลือกได้
การเลือกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2540 ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่าเป็นบ่อเกิดการล็อกสเปกเพราะฝ่ายการเมืองสามารถเข้าไปมีอิทธิพลเหนือวุฒิสภาได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2550 ต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ด้วยการลดอำนาจวุฒิสภาและให้ศาลซึ่งถือว่าเป็นที่ยอมรับของสังคมเข้ามามีบทบาทแทนฝ่ายการเมือง
เท่ากับว่างานนี้พรรคเพื่อไทยหวังเก็บแต้ม 2 เด้ง แต่จะสำเร็จหรือไม่ต้องตามกันยาวๆ