วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บทความไทยโพสต์

แนะทางออก'กม.ปรองดอง'
รายงานพิเศษ
ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ที่รัฐบาลยังไม่ถอนออกจากสภา
ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองรัฐบาลด้วยความหวาดระแวง กลัวจะลักไก่หยิบขึ้นมาพิจารณา
ประเด็นนี้จึงถูกจับตา จะเป็นชนวนทำให้สถานการณ์ทางการเมืองระอุขึ้นอีกหรือไม่

มีความเห็นจากนักกฎหมาย ฝ่ายสันติวิธี และ ส.ว.ถึงทางออกในเรื่องนี้
ดิเรก ถึงฝั่ง
ส.ว.นนทบุรี
ถ้ายังจำกันได้ นานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งเป็นรัฐบาล ก็มี ผู้เสนอให้สภาพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแล้วก็มี ผู้เสนอเลื่อนออกไปจนกระทั่งหมดวาระ และไม่ได้มีการพิจารณา
เมื่อมาถึงรัฐบาลชุดนี้จะชะลอร่างกฎหมายปรองดองไว้บ้าง ก็ไม่น่าใช่เรื่องเสียหาย ดีเสียอีกที่ไม่คิดพรวดพราดออกกฎหมาย เพราะอาจเกิดความวุ่นวายในสังคมได้ รัฐบาลจึงยอมชะลอเรื่องไว้ก่อนเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน
ถูกต้องแล้วที่ควรรอสถานการณ์คลี่คลายค่อยหยิบมาพิจารณายังทัน สังคมจะได้หันหน้าเข้าหากันเสียที ใช่ว่าการคาเรื่องไว้วันพรุ่งนี้จะเสนอขึ้นมาพิจารณาซะเมื่อไหร่
อย่าลืมว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผู้เสนอร่างดังกล่าว ไม่ใช่รัฐบาล ดังนั้น การจะถอนเรื่องได้ต้องอยู่ที่ผู้เสนอร่างคนเดียว และการถอนเรื่องออกไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ประชาชนยิ่งเกิดความข้องใจทั้งที่เป็นสิทธิที่ประชาชนควรรับรู้ด้วย
นอกจากนี้ ผู้ที่เสนอแนวทางปรองดองก็เสนอด้วยความรู้สึกรับผิดชอบ ในฐานะชายชาติทหาร เหมือนเสือสำนึกบาป น่าจะชื่นชมและให้โอกาส แต่เรากลับไปมองเขาแง่ร้าย
อย่างว่าเป็นการชิงความได้เปรียบในแต่ละรัฐบาล พยายามทำให้ประชาชนมองเห็นว่าใครมีสปิริตมากพอ ทั้งที่เรื่องข้อดี-ข้อเสียของการถอน หรือคาไว้ในระเบียบวาระสภา ไม่ได้ต่างกันเลย
ข้อดีของการชะลอเรื่องไว้คือสามารถนำมาสู่การพิจารณาได้ ขณะที่ข้อเสียเป็นเรื่องกระบวนการพิจารณา ฝ่ายค้านกังวลว่าจะสามารถหยิบยกมาพิจารณาต่อได้มากกว่า และยังไปปลุกระดมคนมาก่อม็อบซึ่งไม่ควรทำ
เมื่อรัฐบาลเพิ่งประกาศชัดว่าจะชะลอเรื่องไว้จริง สิ่งที่ควรทำต่อจากนี้คือสานเสวนาได้แล้ว โดยที่รัฐบาลควรเป็นจุดเริ่มต้น เหมือนพนักงานในบริษัททะเลาะกัน เราเป็นผู้จัดการบริษัทก็ต้องเข้าไปไกล่เกลี่ย ไม่ใช่ปล่อยให้พนักงานเกิดความขัดแย้งกันเอง
ผมแนะนำแบบนี้ตั้งแต่รัฐบาลสมัยที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีความเห็น ส่วนวิธีการก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ปรับแก้รายละเอียดให้มีความเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องดึงสถาบันพระปกเกล้าเข้ามาร่วมงานเพียงหน่วยงานเดียว เอาคนนอกมาร่วมด้วย ที่เก่งๆ และมีฝีมือก็เยอะ
แต่ต้องคัดบุคคลที่มีอุดมการณ์และเดินบนกรอบประชา ธิปไตย

โคทม อารียา
ผอ.สำนักสันติวิธี ม.มหิดล

การคาไว้หรือถอนร่างพ.ร.บ. ปรองดอง ไม่ใช่สาระสำคัญของการเดินหน้าสู่ความปรองดองของสังคมไทย เพราะรัฐบาล มีสิทธิ์คาไว้จนหมดวาระสมัยประชุม หรือหากถอนออกไปก็สามารถยื่นเข้ามาใหม่เมื่อไรก็ได้
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชา ชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมชุมนุมหากสภาหยิบยก พ.ร.บ. ปรองดองมาพิจารณา ก็หวังว่าจะไม่เป็นชนวนนำไปสู่ความรุนแรงอีก พันธมิตรต้องใช้สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นไปอย่างสันติวิธี ไม่ทำอะไรเกินเลยเหมือนก่อน
รายงานฉบับสุดท้ายของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ครบวาระการทำงานไปแล้วเมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา จะเป็น 'ตัวตั้งต้น'ของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ผ่านมาได้
อย่างการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือการเผาตึกรามบ้านช่อง จะทราบได้หรือไม่ว่าเกิดจากการกระทำของใครและอย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่การยอมรับข้อเท็จจริง ยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นและมีการออกมาขอโทษ ทำให้บรรยากาศในสังคมที่ร้อนระอุบรรเทาลงมาได
จากนั้นเข้ากระบวนการถกแถลงทั้งในภาคประชาชนและนักการเมือง เพื่อให้เกิดการคืนดี และให้สังคมเกิดความกระจ่างจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาจย้อนเหตุการณ์กลับไปตอนรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 หรือตั้งแต่พันธมิตรเริ่มออกมาชุมนุมก็ได้ ให้ต่างฝ่ายต่างออกมาเล่าเหตุการณ์สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น ควรแก้ไขอย่างไร ซึ่งจะส่งผลดีทางด้านจิตใจในการสูญเสียได้
การนิรโทษกรรมควรเริ่มที่ผู้ชุมนุม ซึ่งจะช่วยให้อารมณ์ของสังคมเย็นลง อาจนำมาซึ่งการเห็นใจ ทหาร ตำรวจ แกนนำ รวมไปจนถึงนักการเมืองที่ควบคุมนโยบายสลายการชุมนุมด้วย

ส่วนการถกเถียงเรื่องความยุติธรรมของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือคตส. ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาถกแถลงกันต่อว่าจะเอาอย่างไร เพราะถ้าไปแตะ คตส.สังคมก็จะมองว่าเป็นการช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นันทวัฒน์ บรมานันท์
คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ

บ.ก.เว็บไซต์ www.pub-law.net

การจะพิจารณาหรือไม่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรอง ดอง สภาเป็นฝ่ายที่รู้ดีที่สุดว่าควรหยิบยกมาพิจารณาตอนไหน ถ้าเห็นว่าเรื่องปากท้องของประชาชนมีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่าก็ค้างไว้แล้วพิจารณาเรื่องอื่นก่อน

อย่างไรก็ตาม ผมไม่เชื่อว่าร่างพ.ร.บ.ปรองดองจะมีประโยชน์หากยังไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพราะกฎหมายปรองดองใช้ได้กับบางคนเท่านั้น ถามว่าญาติของคนที่ถูกยิงที่หน้าวัดปทุมฯ เขาจะยอมรับหรือไม่ เขาก็ไม่ยอมรับและยังมีความโกรธแค้น หากเป็นเช่นนั้นร่างพ.ร.บ.ปรองดองจะมีประโยชน์อะไร

และผมยังไม่เชื่อว่าการปรองดองที่พยายามทำกันอยู่จะแก้ปัญหาอะไรได้ นอกจากจะทำได้ยากแล้วหากต้องการให้เกิดผลดีในทางปฏิบัติก็ยิ่งยากเข้าไปอีก

ปัญหาพื้นฐานที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนจะคิดทำการปรองดองคือ พยายามทำความเข้าใจในพฤติ กรรมของมนุษย์ว่าเมื่อต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ที่ร้ายแรง หรือต้องเจอข้อขัดแย้ง ส่วนใหญ่มักจะสู้รบกันก่อน เมื่อไม่ชนะแล้วจึงค่อยหันกลับมาเจรจาสงบศึก

การปรองดองจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่มนุษย์ส่วนหนึ่งใช้เพื่อให้ได้ข้อยุติในความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ผมคงไม่สามารถฟันธงได้ว่าการให้สภาพิจารณากับไม่พิจารณาแบบไหนจะเป็นผลดี เพราะยังมีความขัดแย้งในสังคม ยังไม่ยอมรับกันและกัน
ผมยังยืนยันว่ารัฐสภาควรรอข้อสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการยอมรับ
เพราะเราจะเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นว่ากฎ หมายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมาก กว่าคนบางกลุ่มหรือไม่
จากนั้นจึงมาดูว่าจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรอง ดองเลยหรือต้องถอนออกไป และ เชื่อว่าหากรอข้อสรุปของ คอป.จะช่วยลดความขัดแย้งจากฝ่ายที่เห็นต่างได้
เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเป็นนายกฯ เป็นคนที่แต่งตั้งนายคณิต เป็นประธานคอป.เอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อเข้ามาเป็นนายกฯ ก็ให้ คอป.ทำหน้าที่ต่อ เท่ากับทั้ง 2 ฝ่าย ต้องยอมรับสิ่งที่ คอป.สรุปออกมา
นายอภิสิทธิ์ ต้องฟัง ต้องไว้ใจ แม้จะค้านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดองก็ตาม ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องยอมรับหากผลสรุปออกมาว่าไม่เหมาะสมที่จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง เพราะเป็นคนที่ยืนยันให้ คอป.ทำงานต่อ
เมื่อฝ่ายการเมืองรับได้ปัญหานอกสภาน่าจะ เบาบาง ที่สำคัญคนในสภาต้องออกมาแถลงให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นคนที่เลือกนายคณิตมาเอง
ความขัดแย้งเรื่องการพิจารณาหรือไม่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ผมเห็นว่าเป็นความไม่รอบ คอบของรัฐบาลที่รีบร้อน เพราะคำตอบที่ดีที่สุดแก่ประชาชนและควรต้องทำมากที่สุดคือรอ คอป.

หากข้อสรุปของ คอป.สอดคล้องกับพ.ร.บ.ปรอง ดองก็หยิบยกมาพิจารณา แต่หากไม่สอดคล้องก็ถอนออกไป
ตอนนี้ก็ประกาศให้ชัดว่าจะไม่ทำอะไรเพื่อลดความระแวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น