วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์..ไทยโพสต์

จาก "จริยธรรม" ถึง "วัฒนธรรม"
ขยายปมโดย สม  มมร.
วันนี้ (๑๔ มิ.ย.๕๕) ผมอ่านข่าวประจำวันแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นประเด็น "โจษขานประจานเมือง" สะเทือนถึงชั้น ๗ อยู่เรื่องหนึ่ง คือ เรื่อง "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" แถลงยืนยันในคำวินิจฉัยเดิมว่า...การที่นายกฯ ตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีนั้น เป็นการแต่งตั้งที่ไม่ได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของนายณัฐวุฒิมาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบเพียงพอ
   
แปลความชัดๆ ก็คือ ทางผู้ตรวจฯ ตำหนิ และให้นางสาวยิ่งลักษณ์ทบทวนพฤติกรรมตัวเอง ที่ถือดีในแดงทั้งแผ่นดิน เอา "ผู้ต้องหา" โทษร้ายแรงที่ประกันตัวจากคุกมาตั้งเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่เคยเตือนแล้ว!

   
นางสาวยิ่งลักษณ์น่ะ ถึงสะเทือนก็ไม่สะทก-สะเทิ้นอะไรมากนัก เพราะ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" เป็นยักษ์ไม่มีกระบอง อย่างเก่ง...แถลงเสร็จก็ส่งเรื่องต่อให้สภาผู้แทนฯ วุฒิสภาได้ทราบเท่านั้น
   
สภาบน-สภาล่าง ทราบแล้ว ก็......จันกบ-จบกัน แค่นั้น!

   
แต่คนที่สะเทือนซางมากที่สุด ถึงจะกะโหลกหนา แต่กระหม่อมบาง  เพราะตัดผมทรงสกินเฮดคือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ "ว่าที่รัฐมนตรี" ในเที่ยวเมล์ล่าสุดนี้แหละ
   
แบบนี้ เห็นทีเก้าอี้จะหลุดลอยไปต่อหน้า-ต่อตูดซะแน่แล้ว!?
   
ก็นายใหญ่อุตส่าห์ประกาศแต่งตั้งเป็นนัยให้รู้กันทั่วพาราแดงไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้วว่า ปรับ ครม.เที่ยวนี้ รางวัลใหญ่ที่นายจตุพรจะได้รับเป็นการสมนาคุณจากคุณพ่อทักษิณคือ เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย

   
แต่นายจตุพร "คนบุญน้อย" ก็เจริญมาในรอยเดียวกับนายณัฐวุฒิ "คนบุญมาก" นั่นแหละ คือสร้างความดี-ความชอบในปฏิบัติการเผาบ้าน-เผาเมือง จนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอันมีโทษร้ายแรงมาด้วยกัน "ติดคุกในระหว่าง" ต่างวาระ แล้วได้ประกันตัวออกมาเหมือนกัน

   
แต่นายณัฐวุฒิบุญมากกว่า นายใหญ่ตกรางวัลให้ก่อน ส่วนนายจตุพรบุญน้อย...กำลังจะได้ เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินเคร่งครัดใน "สเปกจริยธรรม" ยกความไม่เหมาะสมในประเด็น "เอาผู้ต้องหามาตั้งเป็นรัฐมนตรี" สับแสกหน้าขาวนางสาวยิ่งลักษณ์เช่นนี้

   
แล้วแม่นางกางจ้องยังจะกล้ายกก้นคุณพี่จตุพรของผมขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในล็อต "ดูไบ ออเดอร์" ที่กำลังจัดสรรกันอยู่ตอนนี้อีกหรือ?
   
ผมก็เห็นใจพี่จตุพรนะ แต่ก็นั่นแหละ โบราณท่านว่า "แข่งเรือ แข่งพาย  พอแข่งได้ แต่แข่งยกไข่ มันก็สุดแท้แต่นายใหญ่เขาจะสยิวคนไหน...เนอะ!

   
มองอีกที เรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีณัฐวุฒิ-จตุพรนี้ มันก็เป็นดั่งคำที่ทักษิณเคยประกาศ "ถ้าผมอยู่ไม่ได้ หน้าไหนก็อย่าหวังได้อยู่สุขสบายกันเลย"
   
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าณัฐวุฒิเป็นได้ จตุพรก็เป็นได้ แต่ถ้าจตุพรเป็นไม่ได้ ก็อย่าหมายว่าณัฐวุฒิจะเป็นอยู่ต่อได้!
   
บทขยายความด้านปฏิบัติก็คือ ถ้ายิ่งลักษณ์ละอายในคำเตือนผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้นายณัฐวุฒิพ้นเก้าอี้รัฐมนตรี ก็ด้วยมาตรฐานละอายฐานเดียวกัน นั่นก็จะทำให้นายจตุพร "อดได้เป็น" รัฐมนตรีไปด้วย!
   
แต่ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่า ขนาดศาลรัฐธรรมนูญพวกชั้นยังเยิ่นซะเลย กะอีแค่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความหมายจะต้องไปฟังอะไร?
   
อย่างนั้นก็ นายณัฐวุฒิเป็น ฯพณฯ อยู่สุขสบายต่อได้ ไพร่จตุพรของผมก็จะได้ขึ้นชั้น "เสนาบดี" เป็น ฯพณฯ อยู่สุขสบาย เสมอหน้า-เสมอตา กับเพื่อนรักเจ้าของวลีอมตะ "เผามันไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง"!

   
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวิพากษ์ ผมจะนำที่ "นายรักษเกชา แฉ่ฉาย" รองเลขาธิการฯ และโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงถึงการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน เฉพาะประเด็นนายณัฐวุฒิเมื่อวาน (๑๔ มิ.ย.๕๕) มาให้ท่านได้อ่านกัน
   
๑.๒ กรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า การจัดการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่พึงกระทำได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช  ๒๕๕๐ มาตรา ๖๓ แต่เนื่องจากศาลแพ่งได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขแดงที่ ร. ๒/๒๕๕๓ โดยระบุว่า

   
การกระทำของแกนนำ นปช. และผู้ร่วมชุมนุมเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเกินกว่าขอบเขตของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช  ๒๕๕๐ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๖๓ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

   
ประกอบกับการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถูกพนักงานอัยการฟ้องเป็นจำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.๒๕๔๒/๒๕๕๓ และคดีอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวน ซึ่งล้วนแต่เป็นกรณีที่มีการกล่าวหาว่า มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอาญาแผ่นดิน

   
กรณีดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า นายกรัฐมนตรียังมิได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาประกอบการพิจารณาเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด

   
แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะมีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และได้แสดงความเห็นที่ชัดเจนไว้ในหนังสือที่มีถึงผู้ตรวจการแผ่นดินว่า “...แม้การพิจารณาจริยธรรมจะมิต้องอาศัยผลทางกฎหมายในคดีอาญาอันเป็นที่ยุติก็ตาม...

   
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงกรณีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงเพิ่มเติม ไม่ปรากฏเอกสารหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใหม่อันอาจทำให้ผลการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินเปลี่ยนแปลงไป

   
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยยืนตามคำวินิจฉัยเดิม คือ นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบเพียงพอ ก่อนเสนอชื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องในการใช้อำนาจรัฐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๙  วรรคสี่

   
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้จัดทำรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

   
เอาละครับ จบไปข่าวหนึ่ง แต่ยังมีอีกข่าวที่ผมคิดว่าคงเข้าสู่วาระ "สังคมวิพากษ์" ในวันนี้กันน่าดู เรื่อง "เลดี้ กาก้า" ที่มาแสดงคอนเสิร์ตในบ้านเราเมื่อ  ๒๕ พ.ค.๕๕ นั่นแหละ

   
แล้วเรื่องที่ควรเป็นเรื่อง-กลับไม่เป็นเรื่อง เช่น ต่างชาติแสดงอาการลบหลู่พระพุทธรูป นำพระพุทธรูปไปประกอบกิริยากรรมหยาบช้า กระทั่งหยิบยกบางด้านของคนไทย โดยเฉพาะหญิงไทยไปเสริมแต่งให้เกิดภาพลักษณ์ลบเป็นที่เสื่อมเสียมากมายกระจายทั่วโลก

   
กระทรวงวัฒนธรรมไม่เคยพยายามหาแนวเผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องให้สังคมโลกได้รู้ และไม่พยายามทำความเข้าใจกับคนตะวันตก แต่ต่ำทางความคิดอารยะให้รู้จัก "พุทธะคืออะไร"
   
กลับปล่อยให้ฝรั่งซึ่งสูงทางยกตน แต่ต่ำทรามทางจิตแถบโลกตะวันตก นำคำสอนพุทธองค์และพระพุทธรูปไปกระทำหยาบช้า ฉาวกระฉ่อนครั้งแล้ว-ครั้งเล่า มีแต่ภาคเอกชนทำหน้าที่พิทักษ์ ภาครัฐเคยมีความทุกข์-ความร้อนซะที่ไหน
   
สนใจแต่ลัทธิเอากลีบกุหลาบโรยตีนแค่นั้นแหละ!

   
แล้วที่เป็นข่าววันนี้ เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง กลับทำให้เป็นเรื่อง "กระทรวงวัฒนธรรม" เขามีหนังสือไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ให้ "ดำเนินการ" กับเลดี้ กาก้า โทษฐานฉากหนึ่งในการแสดงคืนนั้น เธอสวมชฎา นำธงชาติผูกติดท้ายรถมอเตอร์ไซค์แล้วนั่งซ้อน กระทรวงวัฒนธรรมบอกว่า การทำอย่างนั้นไม่เหมาะสม
   
แจ้งให้ตำรวจพิจารณาตามที่เห็นสมควร!
?
   
คำว่า "ตามที่เห็นสมควร" หมายความว่า กระทรวงนั้น...นอกจากข้อหา "ผิดใจ" แล้ว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผิดตรงไหน จึงใช้คำครอบจักรวาลโบ้ยให้ตำรวจพิจารณา

   
ถ้าผมเป็น ผบ.ตร. ก็จะตอบกระทรวงวัฒนธรรมไปว่า......พิจารณาแล้วเห็นสมควรว่า "อย่าบ้าจี้ให้มากจนเกินเหตุไปหน่อยเลยครับ"!
   
สวมชฎา มันผิดตรงไหน?
   
ปักธงชาติท้ายมอเตอร์ไซค์ ผิดตรงไหน
?
   
ที่บอกว่า "ไม่เหมาะสม กระทบความรู้สึกคนไทย" แถมสรุปไปถึงขั้นหมิ่นชาติ หมิ่นศาสนา ตามสีของความเป็นธงไตรรงค์อย่างนั้น ผมว่า มันไม่เป็นการแสดงออกซึ่งวิสัยทัศน์บริหารแบบหน่อมแน้ม ไร้เดียงสาไปหน่อยหรือ
?
   
คิดง่ายๆ แบบนี้ ระวังนะ อีกหน่อย กระทรวงวัฒนธรรมจะไปสั่งลบภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เหล่านางฟ้าเปลือยอก สวมชฎาทิ้งหมดล่ะยุ่งเลย

   
ผมว่าอย่าหยุมหยิมจนเกินเหตุไปเลยครับ ด้วยแนวของเลดี้ กาก้า เท่าที่ดูจากภาพ ฉากนั้น ผมว่าเธอไม่ได้ทำด้วยเจตนาหยาบช้า-หยาบหยามอะไร

   
เธอต้องการแสดงให้รู้ว่า "เธอรักคนไทย รักอะไรที่เป็นไทยๆ" เห็นชฎาที่แฟนๆ สวมเข้าไปชมแปลกดี เพราะฝรั่งไม่รู้จักชฎา จึงขอไปสวมในฉากเท่าที่เธอแสดงขณะนั้น มันก็แค่นั้น ไม่มีอะไรเกินเลยถึงขึ้นที่กระทรวงวัฒนธรรมกล่าวหาหรอก
     
แต่ถ้าจะมองว่า การเอาธงไตรรงค์ปักท้ายมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ซ้อนท้าย  เป็นการหมิ่นชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ แล้วตอนปี ๕๒-๕๓ คนกระทรวงวัฒนธรรมไปอยู่ซะที่ไหนกันล่ะ

   
ไม่เห็นเรอะ...เขาปักธงแล้วขี่ซ้อนท้ายไปเผาบ้าน-เผาเมืองกันให้ขรม ถึงขั้นยิงเอ็ม ๗๙ กะถล่มวัดพระแก้วน่ะ กระทรวงวัฒนธรรมทำหนังสือไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วหรือยังล่ะ?
   
การทำหน้าที่น่ะ...ดีอยู่ แต่ถ้าทำไม่ถูกเรื่อง-ถูกที่น่ะ มันดีน้อย เข้าใจบ่?.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น