วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์เดลินิวส์

แนวต้าน "ปรองดอง" เครื่องไม่ร้อนแต่พร้อมลุย
  • 30 พฤษภาคม 2555
·         โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
·         นับจากนี้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าสู่ความยากลำบากอย่างไม่เคยเจอมาก่อน ความอึดอัดจะเกิดขึ้น ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหนจะตกเป็นเป้าสายตาให้คอยจับผิดตลอด สภาพแบบที่เกิดขึ้นนี้คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง หลังจากตัดสินใจเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
·         ชนวนของความขัดแย้งกำลังจะบังเกิดและเรียกแขกให้เข้ามาถล่มรัฐบาลอยู่ที่เนื้อหาของกฎหมาย ซึ่งไปคุ้มครองครอบคลุมให้เกิดกระบวนการปลดโซ่ตรวนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องรับผิดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งคดีที่ดินรัชดาและคดียึดทรัพย์
·         ปมนี้เลยกลายเป็นเรื่องปลุกม็อบให้กลับมาคึกคักทันที
·         เมื่อสำรวจแถวรบต้านแผนปรองดองพรรคเพื่อไทยแล้ว พบว่าส่วนใหญ่ยังเป็นขาประจำคนคุ้นเคย พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว นำโดย กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) งานนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล” “จำลอง ศรีเมือง” “พิภพ ธงไชย” “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์กลับมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง
·         พลังเสื้อเหลืองเคยฝากรอยช้ำเอาไว้ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว อย่าลืมว่านายกรัฐมนตรี 2 คนของนายใหญ่ต้องระเห็จออกจากทำเนียบรัฐบาลไปประชุมบัญชาการที่สนามบินดอนเมืองแทน ก่อนที่สุดท้ายต้องพ้นจากตำแหน่งไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
·         เมื่อจุดสูงสุดของกลุ่ม พธม.ได้ผ่านพ้นไป ขาลงก็ได้เข้ามาเยือนมีผลให้ความเป็นปึกแผ่นหายไป แนวร่วมที่เคยแข็งแรงอ่อนแอลงตามลำดับในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มวลชนจำนวนมากไม่พอใจกับท่าทีของสนธิในการพูดพาดพิงทางลบ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหลายกรรมหลายวาระ
·         พ่อยกแม่ยกเสื้อเหลืองเลยถอยตัวเองออกมา เห็นได้จากการระดมพลต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญสมัยนายกฯ อภิสิทธิ์ กลับมีมวลชนเบาบางอย่างน่าใจหาย
·         มาคราวนี้สถานการณ์ใกล้เข้าสู่จุดสุกงอม แนวร่วมที่เคยกระจัดกระจายก็เตรียมกลับมารวมกันเฉพาะกิจอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายขัดขวางการนิรโทษกรรมระบอบทักษิณทุกทิศทาง
·         ส่วนอีกแนวรบ คือ “กลุ่มเสื้อหลากสี ภายใต้การนำของ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กลุ่มนี้นับว่าเคลื่อนไหวต่อต้านการปลดล็อก พ.ต.ท.ทักษิณ มาอย่างต่อเนื่อง
·         ผ่านการโชว์พลังมวลชนเต็มลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินีมาแล้ว เมื่อครั้งมีข่าวว่าคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เตรียมฉวยโอกาสเสนอ พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษในโอกาสมหามงคล จนรัฐบาลต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมพัลวันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ประโยชน์ เพื่อดับอารมณ์ม็อบก่อนสถานการณ์จะบานปลาย
·         ยังไม่นับรวมอีกสารพัดเรื่องที่คอยตรวจสอบรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นระยะๆ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมทางการเมืองของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นำมาสู่การรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนมากมาย ทำให้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงมวลชนไปเรื่อยๆ เพื่อรองานใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
·         สยามสามัคคี กลุ่มนี้มีมิตรรักแฟนเพลงอยู่พอสมควร เริ่มจากการรวมตัวของ สว.สรรหา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น สมชาย แสวงการ” “ประสาร มฤคพิทักษ์” “พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอมเป็นต้น พร้อมด้วย แก้วสรร อติโพธิอดีตเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
·        
·          
·         จุดยืนของสยามสามัคคีไม่ได้ต่างจากกลุ่มอื่นๆ ที่ต่อต้านการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ หัวชนฝา ซึ่งหัวใจของกลุ่มนี้อยู่ที่ แก้วสรรนับเป็นแม่เหล็กคนสำคัญในการดึงมวลชน โดยใช้ความรู้ทางกฎหมายของตัวเองสามารถอธิบายบทบัญญัติกฎหมายที่ยากๆ ให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางนิติศาสตร์มาก่อน
·         ขณะที่อีกทัพใหญ่ต้านระบอบทักษิณ คือ “พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่พลาดร่วมวงขย้ำทักษิณครั้งนี้เช่นกัน โดยหัวหมู่ทะลวงฟันอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองทั้งในและนอกสภา
·         ขึ้นชื่อว่ายี่ห้อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องห่วงว่าจะกรีดพรรคเพื่อไทยได้แผลขนาดไหน ถึงจะล้มรัฐบาลในสภาไม่ได้ แต่สร้างความบอบช้ำให้ยิ่งลักษณ์แน่นอน ส่วนการรบนอกสภาก็มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเครื่องมือสำคัญ คือ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม Blue Sky
·         ฝ่ายค้านได้พยายามใช้ Blue Sky มาเป็นฐานสำคัญได้สักระยะแล้ว รูปแบบไม่ได้มีอะไรมาก โดยเฉพาะการจัดรายการเพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะนำเสนอและชี้ความบกพร่องของรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายเดือนที่ผ่านมา
·         ชิงจังหวะในช่วงที่รัฐบาลมีความอ่อนแอจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไร้ประสิทธิภาพสร้างมวลชน โดยรู้ดีว่าเรื่องของแพงเป็นเรื่องใกล้ตัวประชาชนทั่วไป แม้การผลิตซ้ำวาทกรรมแพงทั้งแผ่นดินอาจจะไม่ได้สร้างมวลชนเสื้อสีฟ้าสนับสนุนขึ้นมาทันที แต่ในระยะยาวที่ต้องต่อต้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง แล้วมวลชนกลุ่มนี้พร้อมจะมุ่งสู่ท้องถนนเพื่อถล่มรัฐบาลได้เช่นกัน
·         อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ ณ วันที่ 30-31 พ.ค. ยังไม่ใช่วันแตกหัก โดยการเมืองเวลานี้ไม่ได้หันหน้าเข้าสู่ทางตันถึงขั้นต้องตั้งหอรบไล่รัฐบาลแบบไม่ชนะไม่เลิก เพราะขั้นตอนของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองต้องผ่านถึง 2 สภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
·         ต่อให้เสียงข้างมากในวันที่ 31 พ.ค. รับหลักการกฎหมายฉบับนี้ แต่การต่อสู้ต้องไปวัดกันในห้องประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญอีกครั้ง แถมต้องเสนอวุฒิสภาให้กลั่นกรองอีก
·         ถึงกระนั้น หากผ่านวุฒิสภาไปได้ เชื่อว่าจะมีการเข้าชื่อรวบรวมส่งคำร้องให้ศาลรัฐ ธรรมนูญตีความ เพื่อให้วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่มีเนื้อหาแทรกแซงอำนาจตุลาการขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่อีกขั้นตอนหนึ่ง
·         เท่ากับว่าสองวันนี้จะเป็นเพียงการอุ่นเครื่องแสดงพลังกันยกแรกก่อน โดยพรรคเพื่อไทยเองต้องการทราบว่ามีมวลชนฝ่ายตรงข้ามออกมาต่อต้านมากหรือน้อยขนาดไหน และกำลังที่แสดงออกมาจะเพิ่มจำนวนเหมือนเมื่อครั้งไล่สองนายกรัฐมนตรีของพรรคก่อนหน้านี้ได้หรือไม่
·         หากเห็นท่าไม่ดีและสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของรัฐบาล เชื่อว่าที่สุดแล้วเก้าอี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ย่อมสำคัญกว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง บนฐานความคิดที่ว่า ตราบใดอำนาจรัฐยังอยู่ในมือความได้เปรียบย่อมอยู่ในมือเช่นกัน
·         ไม่ต่างอะไรกับแกนนำจัดม็อบ การมาล้อมรัฐสภาครั้งนี้เพียงแค่ต้องการตรวจแถวมวลชนของตัวเองในระดับหนึ่งเท่านั้น เพื่อประเมินท่าทีและกำหนดการเคลื่อนไหวในครั้งต่อๆ ไป ประกอบกับเกมนี้ไม่ใช่สงครามวันเดียวจบ แต่เป็นสงครามยืดเยื้อมาราธอน โดยทราบดีว่าสถานการณ์ยังไม่มีเงื่อนไขพอที่จะแตกหักในช่วงนี้
·         ทุกอย่างเลยสรุปอยู่แค่การประลองกำลังเท่านั้น ทำให้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เว้นเสียแต่รัฐบาลจะสร้างเงื่อนไขให้เข้าสู่จุดแตกหักเสียเอง หรือมีมือที่สามเข้ามาป่วนสถานการณ์จนเกิดความรุนแรงที่ยากต่อการควบคุมให้อยู่ในความสงบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น